posttoday

‘จับมือลูกเดินไปพร้อมกับงานที่เรารัก’ อัมพิกา ชาญวิริยะวุฒิ

20 มกราคม 2561

เมื่อก่อนเราอาจจะคิดว่า การทำทีละอย่างโดยไม่ปะปนกันจะทำให้สิ่งๆ นั้นออกมาดีที่สุด แต่กับ "เติ้ล" อัมพิกา ชาญวิริยะวุฒิ

โดย จุฑามาศ นิจประพันธ์ ภาพ : อัมพิกา ชาญวิริยะวุฒิ

 เมื่อก่อนเราอาจจะคิดว่า การทำทีละอย่างโดยไม่ปะปนกันจะทำให้สิ่งๆ นั้นออกมาดีที่สุด แต่กับ "เติ้ล" อัมพิกา ชาญวิริยะวุฒิ คุณแม่ผู้รักในการทำงาน เธอกลับมีวิธีจัดการระหว่างงานที่เธอรักและลูกที่เธออยากดูแลได้อย่างลงตัว

 การทำงานฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท เดนท์สุ อีจิส เน็ตเวิร์ค ซึ่งแม้ว่าจะมีงานรัดตัวจนมีเวลาค่อนข้างน้อยกว่าคนอื่น แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เธอสามารถพาลูกสาวคนเดียวไปทำงานด้วยตั้งแต่อายุ 10 เดือน เพราะเธอเชื่อว่าสามารถทำสองอย่างนี้ควบคู่กันไป

‘จับมือลูกเดินไปพร้อมกับงานที่เรารัก’ อัมพิกา ชาญวิริยะวุฒิ

 “ต้องเท้าความก่อนว่า เติ้ลเป็นคนทำงานหลัก แล้วต้องดูแลน้องแอนนาไปด้วย ซึ่งงานของเติ้ลส่วนหนึ่งบางครั้งก็ต้องไปต่างจังหวัดในช่วงเสาร์-อาทิตย์ ส่วนวันธรรมดาน้องสาวและคุณแม่จะเป็นคนช่วยดูแล แต่ก็พยายามจัดการเวลาไปทำงาน โดยการไปเช้าและกลับเร็ว พยายามเคลียร์งานให้เสร็จ จัดการทุกอย่างภายในเวลาทำงานให้มากที่สุด

 ส่วนที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องไปเวิร์กช็อปก็จะถือโอกาสพาน้องแอนนาไปด้วย ถ้าในทริปที่คุณแม่และน้องสาวไปได้ก็จะฝากในช่วงระหว่างวัน ส่วนช่วงเย็น ถ้ามีเวลาก็จะใช้เวลาอยู่กับเขา หรือพาเขาเข้าร่วมในเวิร์กช็อปด้วย”

 นอกจากนี้ เธอมักจะพาลูกสาวไปเที่ยวที่ออฟฟิศ

‘จับมือลูกเดินไปพร้อมกับงานที่เรารัก’ อัมพิกา ชาญวิริยะวุฒิ

 “เรียกง่ายๆ ว่าน้องแอนนาเป็นเด็กที่โตในออฟฟิศ” เธอกล่าวต่อ เนื่องจากองค์กรที่เธอทำงานอยู่สามารถพาลูกมาด้วยได้ อีกทั้งองค์กรสมัยนี้เริ่มเข้าใจในบทบาทของคุณแม่ที่ต้องทำงานมากขึ้น 

 เติ้ล อัมพิกา ยังกล่าวด้วยว่า ผลจากการพาน้องแอนนาไปทำงานทำให้ลูกสาวค่อนข้างโตกว่าเด็กในวัยเดียวกัน ซึ่งบางครั้งคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีความคิดที่จะพาลูกเข้ามาในชีวิตการทำงาน เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเข้ากันได้

‘จับมือลูกเดินไปพร้อมกับงานที่เรารัก’ อัมพิกา ชาญวิริยะวุฒิ

 บางคนกังวลว่าการพาลูกหรือครอบครัวเข้ามา จะดูไม่มืออาชีพหรือเปล่า แต่เธอกลับมองว่าการทำถูกที่ถูกเวลา ถูกจังหวะ และถูกกาลเทศะ ลูกจะได้ประโยชน์และจะเข้าใจบทบาทในแง่ของการเข้าสังคม และไม่ค่อยมีปัญหาในแง่ปฏิสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ด้วย

 “มีช่วงหนึ่งเติ้ลต้องไปทำงานที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นงานที่รักมาก แต่มีจุดที่ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกงานหรือเลือกลูก สุดท้ายเติ้ลตัดสินใจทิ้งงานเพื่อกลับมาหาลูก เพื่อใช้เวลากับลูกมากขึ้น แต่ถ้ากลับไปคิดใหม่ มันน่าจะมีวิธีการบริหารจัดการได้ เติ้ลเข้าใจว่าคุณแม่ที่ต้องทำงาน โดยเฉพาะคนที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่กดดัน มีภาระที่ต้องเป็นคนดูแลลูกอย่างนี้ อาจมองว่าอย่าพยายามแยกเรื่องงานกับเรื่องครอบครัวออกจากกันร้อยเปอร์เซ็นต์

‘จับมือลูกเดินไปพร้อมกับงานที่เรารัก’ อัมพิกา ชาญวิริยะวุฒิ

 แต่บางทีมันมีเส้นบางอย่างที่เบลอๆ แล้วมันสามารถรวมด้วยกันได้ เราต้องพยายามหามุม หาจุดว่าทำอย่างไรถึงจะเข้าหากันได้อย่างเหมาะสม มันมีมุมที่ทำให้ลูกเข้าใจในบทบาทเราได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันเราต้องไม่ละเลยในบทบาทการเป็นคุณแม่ อย่าพยายามกดดันตัวเอง หาจุดที่มันพอจะรวมกันได้ พยายามหาองค์กรที่เข้าใจ หรือหางานที่สามารถจัดการเรื่องเหล่านี้ได้บาลานซ์ที่สุด”  เธอกล่าวทิ้งท้าย

 ทุกวันนี้แม่เติ้ลยังพาลูกสาววัย 12 ปี ไปออฟฟิศด้วยกัน ทำให้เธอได้ทำงานที่รักและลูกยังได้เปิดโลกทัศน์ รวมถึงสร้างมุมมองมิติการใช้ชีวิตในอนาคตได้อย่างดีเยี่ยม