posttoday

‘อิ่มจัง’ เพื่ออาหารกลางวันเด็ก

26 สิงหาคม 2560

การให้การสนับสนุนและช่วยเหลือสังคมในด้านคุณภาพชีวิตและการศึกษา ตลอดจนปลูกฝังและเสริมสร้างคุณธรรมเพื่อให้เกิดเป็นสังคมที่น่าอยู่

โดน...ภาดนุ

การให้การสนับสนุนและช่วยเหลือสังคมในด้านคุณภาพชีวิตและการศึกษา ตลอดจนปลูกฝังและเสริมสร้างคุณธรรมเพื่อให้เกิดเป็นสังคมที่น่าอยู่ โดยมุ่งเน้นในการให้ความช่วยเหลือแก่เยาวชนผู้ด้อยโอกาสเป็นหลัก คือสิ่งที่ตัวบุคคลหรือภาคธุรกิจในยุคนี้ที่มีศักยภาพมักทำกันอยู่เสมอ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง

 เหมือนอย่าง โออิชิ กรุ๊ป ที่ริเริ่มทำโครงการ “อิ่มจัง” ซึ่งมีรูปแบบคือ การเลี้ยงอาหารมื้อพิเศษจากหลากหลายเมนูและเครื่องดื่มให้กับเด็กๆ ผู้ด้อยโอกาสอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งมุ่งปลูกฝังและเสริมสร้างคุณธรรมให้กับเยาวชน โดยเฉพาะในเรื่อง “ความซื่อสัตย์” เพราะเชื่อว่าความซื่อสัตย์เป็นจุดเริ่มต้นของความดีทุกอย่าง

 ผ่านการจัดกิจกรรมสันทนาการ อาทิ การแสดงละครนิทานแฝงคติธรรม กิจกรรมสอนประดิษฐ์ดินสอ การประกวดเขียนเรียงความในหัวข้อ “เด็กดี...ต้องซื่อสัตย์” ชิงรางวัลทุนการศึกษา เป็นต้น โดยจัดนำร่องมาแล้วที่โรงเรียนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ โรงเรียนวัดเอนกดิษฐาราม จ.ปทุมธานี โรงเรียนบ้านคลองสมบูรณ์ จ.สมุทรสงคราม โรงเรียนวัดศิริจันทราราม จ.ปทุมธานี และโรงเรียนอนุบาลฤชากร กรุงเทพฯ

ล่าสุดผู้บริหารและพนักงานโออิชิได้ลงพื้นที่จัดกิจกรรม “อิ่มจัง” ครั้งพิเศษ ที่ จ.เชียงราย ณ โรงเรียนธารทิพย์ ตั้งอยู่ในเขตวัดภูมิพาราราม ต.ท่าสุด อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นโรงเรียนการกุศลสงเคราะห์แบบกินนอน ภายใต้การอุปการะของพระครูพิพัฒน์ศีลาจาร หรือหลวงปู่ดิลก ประธานกรรมการมูลนิธิธารทิพย์-ธารธรรม เพื่อให้โอกาสทางการศึกษาขั้นพื้นฐานแก่เด็กบนพื้นที่สูง เพื่อปลูกฝังจริยธรรมและบ่มเพาะให้เด็กๆ โตไปเป็นคนดีมีคุณธรรมในสังคม

 นงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป ซึ่งเดินทางมาร่วมกิจกรรมที่เชียงราย เผยว่า

 “โออิชิ กรุ๊ป เล็งเห็นพลังของเยาวชนในวันนี้ คืออนาคตของชาติในวันหน้า เราจึงสนับสนุนการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมเพื่อเป็นพื้นฐานความดี ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาสังคมในด้านต่างๆ ต่อไป สำหรับกิจกรรม “อิ่มจัง” ครั้งนี้ นอกจากการจัดเลี้ยงมื้อพิเศษและกิจกรรมสันทนาการต่างๆ แล้ว เรายังสนับสนุนการสร้างมูลค่า เพิ่มจากทรัพยากรที่มีอยู่ โดยจัดโครงการ “สวนผัก อิ่มจัง” ซึ่งน้อมนำแนวพระราชดำริ “เศรษฐกิจพอเพียง” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นอยู่

‘อิ่มจัง’ เพื่ออาหารกลางวันเด็ก

 "โดยให้เด็กๆ แบ่งกลุ่มกันปลูกพืชผักปลอดสารพิษเพื่อนำผลผลิตที่ได้ไปประกอบอาหารที่มีคุณค่า อีกทั้งยังเป็นการสอนให้รู้จักพึ่งพาตนเอง สร้างวินัย ความสามัคคี และรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ แล้วยังช่วยกระตุ้นให้เด็กๆ มีส่วนร่วมในการสร้างชุมชน พึ่งพาตนเอง เรียนรู้การทำงานเป็นทีม ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ซึ่งเราคาดหวังว่าโครงการนี้จะช่วยจุดประกายให้น้องๆ เป็นเด็กดี มีคุณธรรม เพราะพวกเขาเหล่านี้จะเป็นอนาคตสำคัญของสังคมและประเทศชาติต่อไป”

ด้าน บุญยิ่ง อินต๊ะวงค์ ผู้อำนวยการโรงเรียนธารทิพย์ จ.เชียงราย กล่าวว่า เด็กที่โรงเรียนนี้ส่วนใหญ่เป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อแม่ หรือมีพ่อแม่ แต่ไม่มีเงินเรียนหนังสือ หลวงปู่ดิลกจึงสร้างโรงเรียนนี้ขึ้นในปี 2538 โดยแต่ละปีจะมีเด็กๆ เข้ามาเรียนที่โรงเรียนนี้ ซึ่งเป็นโรงเรียนกินนอนให้เด็กเรียนฟรี (อายุ 16-20 ปี) และแยกที่พักแบบชาย-หญิง ประมาณ 100-200 คน

 “เมื่อก่อนเราเป็นโรงเรียนระดับมัธยมอย่างเดียว แต่ปัจจุบันนี้เปิดสอนระดับประถมด้วย โดยเริ่มขึ้นในปี 2554 ที่นี่เป็นโรงเรียนแบบสหศึกษา ตอนนี้มีเด็กเรียนทั้งหมด 140 กว่าคน โดยเป็นชนเผ่าม้งและเผ่าอาข่าหรือเด็กแถบตะเข็บชายแดนเป็นหลัก โดยเป็นเด็กที่มีสัญชาติไทย 100 กว่าคน และไม่มีสัญชาติอีก 30 คน ตอนนี้เราก็พยายามติดต่อดำเนินการไปยังหน่วยราชการต่างๆ อยู่ เพื่อยืนยันว่าเป็นสัญชาติไทย เพียงแต่พวกเขาไม่ได้แจ้งเกิด นอกนั้นก็เป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อแม่ และส่วนใหญ่อยู่กับญาติๆ"

 บุญยิ่ง ขยายภาพให้เห็นการสนับสนุนว่า โรงเรียนได้งบประมาณสนับสนุนบางส่วนจากรัฐบาล แล้วก็มีเงินสนับสนุนบางส่วนจากภาคเอกชนที่เข้ามาช่วยเหลือโดยทำโครงการต่างๆ

 "เหมือนที่ครั้งนี้ โออิชิ กรุ๊ป ทำเช่นกัน ซึ่งถือว่าช่วยได้ดีพอสมควร สำหรับในช่วงที่โรงเรียนขาดแคลนเงินจริงๆ หลวงปู่ดิลกก็จะนำเงินส่วนที่ญาติโยมร่วมทำบุญมา ซึ่งท่านได้สำรองไว้ออกมาเป็นค่าใช้จ่ายของโรงเรียน เพราะเนื่องจากในช่วงฤดูฝนจะเป็นช่วงที่ขาดแคลนการสนับสนุน

"เมื่อโออิชิได้มาส่งเสริมให้เด็กๆ ในโรงเรียนปลูกผักสวนครัว เลี้ยงปลา และอื่นๆ เพื่อพึ่งพาตัวเองได้ จึงนับเป็นสิ่งที่ดีมาก แล้วตอนนี้เด็กๆ ก็เริ่มประดิษฐ์กระเป๋าและพวงกุญแจต่างๆ เพื่อเป็นของที่ระลึกไว้เพื่อแจกคณะบุคคลที่มาเยี่ยมเยียนและช่วยเหลือ ต่อไปก็อาจจะทำออกมาเพื่อจำหน่ายในอนาคตด้วย แต่อีกส่วนหนึ่งเราก็มุ่งเน้นด้านวิชาการควบคู่กันไป เพื่อให้เด็กส่วนใหญ่สามารถนำความรู้ไปใช้ต่อยอดการเรียนในระดับอุดมศึกษาต่อไปในอนาคตได้”