เจาะลึกอาหารกับอาการของคนซึมเศร้า อะไรควรกิน-ไม่ควรกิน
รู้หรือไม่? อาหารที่มีคุณประโยชน์แบบไหนช่วยให้ห่างไกลจากโรคซึมศร้า และอาหารกลุ่มไหนขัดขวางฤทธิ์ยา แค่ต้องรู้ มาดูอาหารที่ผู้ป่วยซึมเศร้าควรกิน-ห้ามกิน กันเถอะ!!
ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก ระบุ หากผู้ป่วยรับประทานอาหารที่ไม่ดี ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาการของโรคซึมเศร้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งโรคซึมเศร้าถือเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการเกิดอุบัติเหตุและความพิการสำหรับชาวอเมริกันที่มีอายุระหว่าง 15 ถึง 44 ปี
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรูว์ แรมซีย์ จิตแพทย์จากคลินิกจิตเวชแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับอาหารและสุขภาพจิต) อธิบายว่า อาหารที่ถูกต้องเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล ส่งผลให้กระบวนการรักษาโรคได้ผลดียิ่งขึ้น เช่น การรับประทานในกลุ่มที่มีวิตามินบี 12 และกรดไขมันโอเมก้า 3 แบบโมเลกุลสายโซ่ยาวที่ช่วยบำรุงสมอง ก็จะช่วยลดอาการโรคซึมเศร้าได้ หากร่างกายเราขาดโอเมก้า 3 จะทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะซึมเศร้าและการฆ่าตัวตาย
หมอแรมซีย์เป็นผู้บุกเบิกด้านโภชนาการทางจิตเวช ได้ประยุกต์ใช้ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสารอาหารที่มีผลต่อสมองและสุขภาพจิต ตามปกติหมอแรมซีย์จะจ่ายยาแก้ซึมเศร้าและยารักษาโรคอื่นๆ ตามความเหมาะสมให้แก่ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า รวมถึงการบำบัดด้วยการพูดคุย แต่เขายืนยันว่ามากไปกว่านั้น การแนะนำให้ผู้ป่วยกินอาหารที่สดใหม่และมีคุณค่าทางโภชนาการ ก็สามารถเป็นส่วนเสริมของการบำบัดผู้ป่วยได้ด้วย
เรื่องนี้มีข้อมูลโดย นายแพทย์กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ เผยว่า ผู้ที่มีอาการซึมเศร้าอย่าอายหมอ ขอให้รีบไปรักษา ทั้งนี้ ยังได้ให้ฝ่ายเชี่ยวชาญของโรงพยาบาลไปวิเคราะห์ประเภทอาหารที่เป็นผลดีและผลเสียต่อโรคซึมเศร้าและยาที่ใช้รักษา เนื่องจากผู้ป่วยโรคซึมเศร้าส่วนใหญ่จะฟื้นฟูอยู่ที่บ้าน และขณะนี้มีการโฆษณาอาหารต่างๆ ผ่านสื่อจำนวนมาก อาหารบางอย่างอาจมีสารที่มีผลขัดขวางกับฤทธิ์ยารักษาโรคซึมเศร้าได้ เพื่อไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนใดๆ ซ้ำเติมผู้ป่วยอีก
อาหารที่ควรกิน
สำหรับอาหารที่ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าควรรับประทานเพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพยารักษาของแพทย์มี 5 กลุ่ม ได้แก่
- ไขมันดี กลุ่มอาหารที่มีกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพช่วยลดอาการซึมเศร้า คือ โอเมกา 3 ได้แก่ เนื้อปลาต่างๆ อาทิ ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ทูน่า ปลาช่อน ปลาดุก ปลาสวายเนื้อขาว เป็นต้น
- ไข่ ซึ่งมีกรดอะมิโนที่สำคัญ โดยเฉพาะทริปโตเฟนและไทโรซีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยสร้างสารซีโรโทนินทำให้อารมณ์ดี และยังเปลี่ยนให้เป็นเมลาโทนิน ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น
- กล้วย จะมีแร่ธาตุโพแทสเซียมและมีสารทริปโตเฟน ช่วยบรรเทาให้ความดันโลหิตกลับสู่ภาวะสงบ ลดการเกิดภาวะเครียดและวิตกกังวล
- กลุ่มคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ลูกเดือย ข้าวโพด ถั่วเมล็ดแห้ง เป็นต้น จะช่วยสร้างสารซีโรโทนินในสมอง ช่วยให้ผ่อนคลาย
- กลุ่มเห็ด เห็ดทุกชนิดจะมีธาตุเซเลเนียมสูง ช่วยกระตุ้นฮอร์โมนแห่งความสุขลดอารมณ์ขุ่นมัวได้
เครื่องดื่ม 2 ชนิดเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร ได้แก่
- น้ำอัญชัน ในดอกอัญชันจะมีสารแอนโทไซยานิน มีฤทธิ์กระตุ้นความจำ ช่วยผ่อนคลายความเครียด ลดความกังวลและช่วยให้นอนหลับ
- น้ำลำไย ซึ่งมีสาร 2 ชนิดคือกรดแกลลิก ทำให้อารมณ์ดี ผ่อนคลาย และสารกาบาช่วยผ่อนคลายความเครียด และช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
อาหารที่ไม่ควรกิน
สำหรับกลุ่มอาหารที่ผู้ป่วยซึมเศร้า “ห้ามรับประทาน” เนื่องจากจะซ้ำเติมอาการป่วยหรือขัดขวางการดูดซึมยา มี 2 ประเภท
- อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารที่มีรสหวานจัด ร่างกายจะดูดซึมได้เร็วกว่าปกติ ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงอย่างรวดเร็ว ร่างกายเกิดภาวะเครียด อาจจะนำมาสู่อาการหดหู่ซึมเศร้าได้
- อาหารประเภทไส้กรอก และถั่วปากอ้า มีสารไทรามีนสูงทำปฏิกิริยากับยารักษาโรคซึมเศร้าบางชนิด เช่น ยาเซเลจิลีน ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงได้
เครื่องดื่ม 3 ชนิด
- ชา-กาแฟ เพราะมีคาเฟอีนสูง ทำให้นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย หากดื่มเกินกว่า 2 แก้วต่อวัน ทำให้วิตกกังวล ใจสั่น และเครียดเพิ่มขึ้น
- น้ำอัดลมประเภทสีดำ มีคาเฟอีนและน้ำตาลสูง ส่วนแบบไม่มีน้ำตาลก็ต้องระวัง เพราะมีงานวิจัยจากสถาบันการศึกษาด้านประสาทวิทยาในต่างประเทศพบว่า กลุ่มผู้บริโภคเครื่องดื่มที่มีสารให้ความหวานแทนน้ำตาล 4 กระป๋อง หรือ 4 แก้วต่อวัน จะมีความเสี่ยงเกิดโรคซึมเศร้าได้มากกว่าคนปกติ 3 เท่า
- น้ำผลไม้บางชนิด เช่น ส้ม เสาวรส น้ำองุ่น เป็นต้น อาจทำปฏิกิริยากับยาที่ใช้รักษา ทำให้ตัวยาไม่เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อการรักษาเท่าที่ควร
ที่มา : กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข