posttoday

‘หาคู่’ ดิจิทัลออนไลน์ หนุ่มสาวไทยนิยมชมชอบ

07 กรกฎาคม 2561

ธุรกิจบริการหาคู่ออนไลน์มีมูลค่า 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7,260 ล้านบาท) ในสหรัฐอเมริกาประเทศเดียว และ Tinder

เรื่อง : พรเทพ เฮง

ธุรกิจบริการหาคู่ออนไลน์มีมูลค่า 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7,260 ล้านบาท) ในสหรัฐอเมริกาประเทศเดียว และ Tinder อ้างว่าจับคู่กว่า 26 ล้านคู่/วัน คนไทยประมาณ 4 ใน 10 คน (37%) ที่เคยหาคู่ทางอินเทอร์เน็ตระบุว่าต้องการพบคู่รักในอนาคตผ่านบริการทางออนไลน์มากกว่าช่องทางปกติ ตามที่เห็นแพลตฟอร์มหาคู่ทางอินเทอร์เน็ตได้เปลี่ยนแปลงกระแสต่อต้านไปอย่างมาก

แอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการหาคู่ได้รับความสนใจมากขึ้นในภูมิภาคเอเชีย จากเดิมที่ธุรกิจนี้ได้รับความนิยมมากในฝั่งอเมริกาและยุโรป ในช่วง 5 ปีหลังที่ผ่านมามีการเติบโตและนิยมในหนุ่มสาวไทยร่วมสมัยอย่างมากมาย

ในเมืองไทยแอพพลิเคชั่นหาคู่อย่าง Tinder แอพหาคู่ยอดฮิตได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะใช้งานง่ายเพียงแค่ปัดขวาเพื่อเลือกแมตช์กับคนที่ชอบ หรือปัดซ้ายเพื่อข้าม ถ้าอีกฝั่งปัดขวาเหมือนกันแสดงว่าทั้งคู่แมตช์กันและได้สานต่อคุยกันในแอพ ส่วนใหญ่ชาวต่างชาติที่มาเที่ยวไทยเล่นเยอะมาก และเป็นที่นิยมในอาชีพแอร์โฮสเตสและนักบิน

อีกแอพคือ Noonswoon เป็นแอพหาคู่ที่มีคอนเซ็ปต์ให้เราเลือกแมตช์หลังพักกลางวัน ส่วนใหญ่จะเป็นวัยทำงานเล่น อายุ 30 ปีขึ้นไป และจริงจังกับการหาคู่

Beetalk เป็นแอพที่เขย่าแล้วจะได้เจอคนคุยจากพิกัดที่อยู่ใกล้ๆ ตัว ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนนักศึกษากันเล่นเยอะ

Kooup แอพหาคู่ที่ให้ใส่วันเกิด ปีเกิด แล้วจะเลือกคู่ตามดวงสมพงศ์ หรือเลือกแมตช์กับคนที่มีไลฟ์สไตล์หรืออาชีพการงานใกล้เคียงกัน

‘หาคู่’ ดิจิทัลออนไลน์ หนุ่มสาวไทยนิยมชมชอบ

Jack’d แอพสำหรับหาคู่ชายรักชายที่นิยมกันมาก ลักษณะการใช้งานจะคล้ายๆ Tinder

Azar แอพนี้การใช้งานแอบคล้าย Tinder แต่ต่างตรงภาพที่ปรากฏจะมาในรูปแบบวิดีโอคอล

นั่นคือแอพหาคู่ยอดฮิต ยังไม่นับเพจหาคู่ในเฟซบุ๊กที่มีอยู่มากมาย โดยเฉพาะเพจ “แม่สื่อแม่ชัก” ที่ฮอตฮิตและได้รับความนิยมมากมายจากชายโสดหญิงโสดทั้งหลาย

เมื่อดูข้อมูลของคนอเมริกัน ผลการวิจัยของ Pew Research Center ระบุว่ามีชาวอเมริกันวัยเจริญพันธุ์ (Adults) กว่า 15% ใช้งานเว็บหรือแอพหาคู่ โดยในช่วงอายุ 18-24 ปี มีผู้ใช้สูงขึ้นถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2013 และกลุ่มวัย 55-64 ปี มีผู้ใช้สูงขึ้น 2 เท่า เพราะการเดทแบบออนไลน์เป็นทางเลือกใหม่ของการพบปะผู้คน และเหตุผลที่สำคัญอย่างยิ่งยวดคือ คนอเมริกันกว่า 41% รู้ว่าใครใช้เครื่องมือหาคู่ออนไลน์นี้ และ 29% ก็รู้จักคนที่ได้คู่รักหรือคู่ชีวิตระยะยาว

มาดูกันว่าคนไทยหาคู่ออนไลน์ผ่านแอพต่างๆ และนิยมใช้งานกันอย่างไรบ้าง

‘หาคู่’ ดิจิทัลออนไลน์ หนุ่มสาวไทยนิยมชมชอบ

เปิดงานวิจัย “หาคู่” ในสังคมไทย

ข้อมูลที่เก็บรวบรวมทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 11-28 ก.ย. 2560 จากกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามของกว่า 5 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งเป็นสัดส่วนทางสถิติที่แสดงถึงประชากรออนไลน์จำนวนตัวอย่าง 2,720 ของ YouGov บริษัทจัดทำการสำรวจความคิดเห็นทางอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการเมือง กิจกรรมสาธารณะ ผลิตภัณฑ์ แบรนด์ และหัวข้ออื่นๆ เกี่ยวกับความสนใจทั่วไป ได้จัดการสำรวจถึงพฤติกรรมหาคู่ออนไลน์นี้ในประเทศไทย พบว่าคนไทยมากถึง 4 ใน 10 เคยใช้แอพพลิเคชั่นหาคู่ทางอินเทอร์เน็ตหรือทางออนไลน์ ซึ่งสูงขึ้นถึงครึ่งหนึ่ง (47%) ในกลุ่มคนรุ่นใหม่

นอกจากนั้น 3 ใน 4 (74%) ของคนรุ่นใหม่ยังกล่าวว่ารู้สึกเขินอายที่จะยอมรับว่าตนเองพบกับคู่รักผ่านการหาคู่ออนไลน์/แอพ คนยุคเบบี้บูมเมอร์ 54% กล่าวเหมือนกัน อย่างไรก็ตามคนไทยมากกว่า 1 ใน 3 (35%) คิดว่าการพบคู่รักทางออนไลน์ไม่ใช่เรื่องแปลก

ครึ่งหนึ่งของคนไทยทั้งหมด 49% รู้จักคู่รักอย่างน้อย 1 คู่ที่พบกันผ่านช่องทางนี้ คนรุ่นใหม่ 54% รู้จักคู่รักอย่างน้อย 1 คู่ที่พบกันทางโลกออนไลน์ ส่วนคนยุคเบบี้บูมเมอร์เพียง 30% เท่านั้นที่รู้จัก

แอพ BeeTalk และ Tinder ดูจะเป็นบริการหาคู่ออนไลน์ที่น่าเชื่อถือมากที่สุด กล่าวได้ว่าตอนนี้การหาคู่ออนไลน์เป็นกระแสหลักในประเทศไทย และการหาคู่ออนไลน์มีตลาดแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนแอพที่ได้คะแนนสูงอันดับอื่นๆ ได้แก่ Skout Tinder และ Badoo บริการซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดรู้จักน้อยที่สุด ก็เป็นบริการที่น่าเชื่อถือน้อยที่สุดด้วยเช่นกัน สำหรับผู้ที่เคยใช้บริการหาคู่ออนไลน์ กล่าวได้ว่าความนิยมคือปัจจัยความสำเร็จของกลุ่มตลาดประเทศไทย

ในบทความที่คัดจากวิทยานิพนธ์ระดับบัณฑิตศึกษา หัวข้อ “การใช้สื่ออินเทอร์เน็ตในการหาเพื่อนผ่านสื่อออนไลน์” (Using Internet to find friends through online media) ของ ขวัญจิรา ดลปัญญาเลิศ และ ศ.ดร.สุรพงษ์ โสธนะเสถียร วารสารศาสตรมหาบัณฑิต คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Quantitative Research) โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-Depth Interview) และผู้ให้ข้อมูลเพศหญิงและเพศชาย จำนวน 10 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 22-30 ปี อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร และเคยใช้สื่ออินเทอร์เน็ตในการหาเพื่อนผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องการพูดคุย ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ ความคิดเห็น พฤติกรรม และขั้นตอนการพัฒนาความสัมพันธ์ในการหาเพื่อนผ่านแอพพลิเคชั่น Beetalk และยังมีการศึกษาค้นคว้าจากเอกสาร ทฤษฎี แนวคิด รวมไปถึงงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแอพพลิเคชั่นต่างๆ โดยทำการศึกษาในระหว่างเดือน เม.ย.-มิ.ย. 2558

‘หาคู่’ ดิจิทัลออนไลน์ หนุ่มสาวไทยนิยมชมชอบ

ผลการศึกษาพบว่า ผู้ให้ข้อมูลที่ใช้โปรแกรมสนทนาแอพ Beetalk ใช้นามแฝงมากกว่าที่จะใช้ชื่อจริงในการสนทนา เพื่อดึงดูดให้ผู้สนใจเข้ามาสนทนาด้วย มีการใช้ข้อความทักทายที่น่าสนใจผสมผสานข้อความต่างๆ ที่ใช้ในการสนทนานั้นไปกับรูปภาพ สัญลักษณ์ สติ๊กเกอร์ต่างๆ มีการใช้ศัพท์ที่ใช้กันเฉพาะกลุ่ม ผู้สนทนามีการปกป้องตนเองในการสนทนา โดยสวมบทบาทสมมติหรือปกปิดข้อมูลส่วนตัวบางอย่างไว้

ผู้สนทนาบางคนมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง เป็นลักษณะของชุมชนเสมือนจริง มีการแบ่งเป็นชุมชนเสมือนจริงย่อยๆ อยู่รวมกันและมีความสัมพันธ์กันเป็นเครือข่ายบางครั้งในเวลาเดียวกันมีการทับซ้อนกันและเคลื่อนย้ายของชุมชน

ในด้านความคิดเห็นของผู้ให้ข้อมูลมีการนำโปรแกรมสนทนาแอพ Beetalk ไปใช้ประโยชน์น้อยมาก ส่วนใหญ่จะใช้ประโยชน์เพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร ความสนุกสนาน ความบันเทิง และในอนาคตอาจมีแนวโน้มการใช้โปรแกรมสนทนา Beetalk เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเกิดปัญหาที่ตามมา จึงต้องมีแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหา โดยการให้ความรู้ผ่านช่องทางต่างๆ และการรับแจ้งเรื่องร้องเรียนสิ่งที่ไม่เหมาะสม

ส่วนขั้นตอนการพัฒนาความสัมพันธ์ในการหาเพื่อนผ่านแอพ Beetalk ประกอบไปด้วยการสมัครสมาชิกและสร้างประวัติข้อมูลส่วนบุคคล การค้นหาเพื่อนสมาชิก การแนะนำตัว การสนทนาและการสร้างความไว้วางใจ การตัดสินใจนัดพบและการพัฒนาความสัมพันธ์ โดยอาศัยแอพ Beetalk ที่สามารถลดอุปสรรคด้านเวลา สถานที่ รวมทั้งมีการรวมขั้นตอนของการสร้างความสัมพันธ์ ที่ต่างกับการสื่อสารในโลกจริงที่ไม่สามารถทำได้ การสร้างความสัมพันธ์ในโลกอินเทอร์เน็ตก็สามารถทำได้เพียงระดับต้นเท่านั้น อาจต้องใช้การสื่อสารแบบเห็นหน้าเห็นตาในโลกจริงมาสานต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ด้วย

อีกหนึ่งงานวิจัยที่ศึกษาลึกลงถึงระดับการมีเพศสัมพันธ์ของการหาคู่ของวัยรุ่นไทยยุคปัจจุบัน คืองานวิจัยชื่อ “วัยรุ่นใช้สื่อออนไลน์อย่างไรในการหาคู่” ของ นิพนธ์ ดาราวุฒิมาประกรณ์ นักปฏิบัติการวิจัย สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งได้วิเคราะห์ข้อมูลจากกรณีศึกษาวัยรุ่นชายหญิงจำนวน 20 ราย จากโครงการวิจัยเชิงคุณภาพเพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น วิเคราะห์ความเชื่อมโยงของพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์กับพฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์

‘หาคู่’ ดิจิทัลออนไลน์ หนุ่มสาวไทยนิยมชมชอบ

ผลการวิเคราะห์พบว่า พฤติกรรมการมีแฟนและเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม คือ (1) มีแฟนทีละคน ไม่มีกิ๊ก (2) มีแฟนและกิ๊ก แต่จะมีเพศสัมพันธ์กับแฟนคนเดียวเท่านั้น (3) มีแฟนและกิ๊ก และมีเพศสัมพันธ์กับทุกคน (4) มีเพศสัมพันธ์กับใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนหรือกิ๊ก

สำหรับวัยรุ่นกลุ่มที่ 3 และ 4 มีพฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์ เช่น Facebook LINE MSN Hi5 ในการหากิ๊กและคู่นอน วัยรุ่นชายใช้สื่อออนไลน์ในการหาคู่ชัดเจนกว่าวัยรุ่นหญิง อีกทั้งใช้เวลาพูดคุยทำความรู้จักไม่นานก่อนการมีเพศสัมพันธ์

วัยรุ่นกลุ่มที่ 2 ใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทางในการคุยกับกิ๊ก แต่ไม่คุยเพื่อจะมีเพศสัมพันธ์ด้วย วัยรุ่นกลุ่มที่ 1 ใช้สื่อออนไลน์ในการพูดคุยกับเพื่อนทั่วไปเท่านั้น แต่ไม่ใช้สื่อออนไลน์ในการหาคู่

ผลการศึกษานี้ทำให้ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า วัยรุ่นที่นิยมการมีคู่นอนหลายคนจะใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทางในการสื่อสารกับเครือข่ายทางสังคมเท่านั้น ข้อมูลจากวัยรุ่นที่นิยมใช้สื่อออนไลน์ในการหาคู่ สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับประสิทธิภาพของการใช้สื่อ (ทฤษฎี TAM) ดังกล่าวเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของตนเอง นำไปสู่การใช้ซ้ำๆ เพื่อตอบสนองความต้องการ

ดังที่เห็นว่าวัยรุ่นชายในการศึกษานี้ ได้มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่มีการพูดคุยกันผ่านสื่อออนไลน์กันมากกว่า 1 คนเกือบทั้งสิ้น แต่ข้อมูลอาจจะยังไม่ชัดเจนพอที่จะสรุปตามทฤษฎีการรับรู้ทางสังคม (Social Learning Theory) โดยเฉพาะเมื่อวัยรุ่นกลุ่มที่ไม่มีพฤติกรรมมีเพศสัมพันธ์กับหลายคน หรือไม่นิยมหาคู่ทางอินเทอร์เน็ต ต่างเคยเห็นและรับรู้พฤติกรรมเหล่านี้ทางสื่อออนไลน์ด้วยเช่นกัน ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ว่าพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่น โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์กับคนหลายคนนั้น เกิดจากการเลียนแบบพฤติกรรมที่พบเห็นกันทางสื่อออนไลน์ หรือปัจจัยอื่นต่อไป

อย่างไรก็ตาม การใช้สื่อออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนดาบสองคม เป็นสื่อที่มีประโยชน์และได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มวัยรุ่น หากวัยรุ่นใช้สื่อไปในทางถูกต้องเหมาะสมก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากมาย แต่ถ้าหากใช้สื่อไปในทางที่ผิดก็อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมายเช่นกัน

‘หาคู่’ ดิจิทัลออนไลน์ หนุ่มสาวไทยนิยมชมชอบ

อาจารย์วิชาจีบชี้ หาคู่เร่งรีบโลกออนไลน์ ชีวิตคู่พังเร็ว

สมัยนี้วัยรุ่นเขาจีบกันและบอกรักกันผ่านทางแอพต่างๆ ไลน์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ รวมถึงสื่อโซเชียลมีเดียอื่นๆ เพราะเป็นอะไรที่ง่ายและเร็ว

ธนิช สุนทรธนกูล (อ.กล้วย วิชาจีบ) อาจารย์พิเศษจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวิทยากรอิสระ ซึ่งสอนวิชา “จีบ” ให้ความเห็นว่า ความสัมพันธ์หาคู่ผ่านออนไลน์โลกเสมือนในยุคดิจิทัลนั้นมีมุมที่น่าสนใจอยู่มาก แต่จริงๆ แล้วไม่ได้แตกต่างกับการหาคู่ยุคอะนาล็อก

“เรื่องของการหาคู่นั้นเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับมนุษย์มาหลายยุคหลายสมัยแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องที่มาหาคู่กันในแอพพลิเคชั่นหรือในโซเชียลเน็ตเวิร์กก็เป็นเรื่องของวิวัฒนาการตามเทคโนโลยีและโลกที่มันเปลี่ยนไป เพราะมันต้องเป็นไปแบบนี้อยู่แล้ว

สมัยก่อนการหาคู่เขาก็พยายามใช้สื่อต่างๆ ในการหาคู่เหมือนกัน อย่างมาลัยเสี่ยงรักของลุงหนวด อย่างสมัยก่อนเขามีเพนเฟรนด์ (PenFriend) ซึ่งเป็นเพื่อนกันทางจดหมาย โทรศัพท์ไปก็ยังเขินๆ กันอยู่แล้วก็หาโทรศัพท์ยาก เขียนแนะนำตัวส่งรูปไป มีชื่อมีที่อยู่ให้ เขียนจดหมายถึงกัน

ปัจจุบันการหาคู่ผ่านแอพและโซเชียลมีข้อดีคือเร็วขึ้น และมีความหลากหลายกว่าเมื่อก่อน ส่วนข้อเสียก็มาจากข้อดีคือเร็วไปก็มีผลกระทบ ขาดในเรื่องวิจารณญาณในการที่จะเลือกคู่ สมัยก่อนตื่นเต้นกับการรอคอยไปรษณีย์มาส่งจดหมาย พอมาสักหน่อยก็มีโทรศัพท์ก็ลุ้นว่าจะอยู่บ้านหรือเปล่า เจอพ่อของเธอหรือเปล่า สมัยนี้ก็ตื่นเต้นในการลุ้นว่าตัวจริงจะเป็นอย่างไร เป็นอย่างที่คิดหรือเปล่า ก็ตื่นเต้นไปคนละแบบ”

‘หาคู่’ ดิจิทัลออนไลน์ หนุ่มสาวไทยนิยมชมชอบ

การสอนวิชาจีบของ ธนิช เขาบอกว่าเป็นเรื่องของการสื่อสารและการบริหารความสัมพันธ์ของคนในหลากรูปแบบ

“จริงๆ ผมสอนวิชาจีบมันเป็นเรื่องของการสื่อสาร ทั้งคำพูดและการเขียนเป็นหัวใจ ปัจจุบันคนยุคนี้มีลูกเล่นสำบัดสำนวนดีกว่าคนในสมัยก่อน ยุคก่อนกว่าจะได้พิมพ์ได้เขียนส่งกันก็นานๆ ที เดี๋ยวนี้นอกจากเขียนแล้วก็มีอีโมจิแสดงอารมณ์ สติ๊กเกอร์ภาพเคลื่อนไหว อะไรต่างๆ มากมาย

ผมมองว่ายุคนี้หาคู่ได้เร็ว แต่ชีวิตคู่ก็พังเร็ว อัตราหย่าร้างของคนไทยเมื่อ 2 ปีก่อน มีถึง 1 ใน 3 หมายความว่าแต่งงาน 3 คู่ มีคู่หนึ่งเลิกราหย่าร้างกันไป ส่วนฝรั่งครึ่งต่อครึ่งประมาณ 50% ความน่าเป็นห่วงอยู่ที่ตรงนี้ คืออะไรที่ด่วนๆ เร็วๆ ขาดความรอบคอบ มันก็มาเร็วไปเร็ว จริงๆ ชีวิตคู่มันคือความสุข แต่ถ้ามีแล้วพัง มีแล้วเลิกรา มันก็บ่อนทำลายทั้งสุขภาพและความรู้สึก”

วิชาจีบของ ธนิช เขาย้ำว่าจะเน้นเรื่องของการใช้ใจเป็นหลัก ให้รู้จักกันอยู่กันด้วยใจ ในวิชาจีบมีวิชาที่ออกมาควบคู่ด้วยคือ วิชาเคล็ดลับจับโกหก

“อย่างที่บอกโลกโซเชียลก็คือโลกเสมือน ไม่รู้ว่าตรงไหนจริงตรงไหนปลอม เมื่อมีวิชาจีบเรื่องความสัมพันธ์แล้ว ก็ต้องมีวิชาเพื่อป้องกันตัวเองด้วย เคล็ดลับจับโกหกว่ามีพิรุธไหม เป็นการสร้างภูมิต้านทาน ถ้าคนมีสองวิชานี้อยู่ในโลกการหาคู่ได้สบายมาก

แม้เทคโนโลยีจะไปไกลขนาดไหนก็ตาม ต้องเข้าใจว่าโลกนี้เป็นโลกของการตลาด อะไรทุกอย่างสามารถจับออกมาเป็นเงินได้หมด ก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งคนนิยมก็ยิ่งมีมูลค่ามากยิ่งขึ้น การบริหารความสัมพันธ์ให้มีความสุข”

ข่าวล่าสุด

หลีกหนีความวุ่นวาย ฉลองปีใหม่สุดหรูบนเกาะส่วนตัวที่ นาคา ไอแลนด์