posttoday

เสียงเพลง ล้อความตาย

02 เมษายน 2560

บ่วย-วารุณี วิชัยพรหม หรือ ว.วัชญาน์ หลายคนคุ้นเคยกับเสียงร้องเพลงอันเป็นเอกลักษณ์จาวเหนือของเธอ

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ ประกฤษณ์ จันทะวงษ์

บ่วย-วารุณี วิชัยพรหม หรือ ว.วัชญาน์ หลายคนคุ้นเคยกับเสียงร้องเพลงอันเป็นเอกลักษณ์จาวเหนือของเธอ “ไป ไปเต๊อะ ไปแอ่ว ไปเต๊อะไปแอ่ว จังวัดเจียงฮาย...” เจ้าของเสียงห่างหายไปนาน เมื่อพบอีกครั้งจึงได้รู้เรื่องปัญหาสุขภาพ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดทั้งโรคไต มะเร็ง เนื้องอก รวมทั้งผ่าตัดไส้ติ่ง อดีตนักร้องนักแต่งเพลงใช้ชีวิตร่วมกันกับโรค กระทั่งเสียงเพลงและความตายเปรียบเป็นเสมือนเพื่อนกันในวันนี้

“แม่ชื่อผา พ่อชื่อหลก เกิดที่บ้านป่ากว๋าว อำเภอพาน จังวัดเจียงฮายเจ้า” บ้านป่ากว๋าวก็คือ บ้านที่อยู่ในป่า และป่านั้นเต็มไปด้วยดอกทองกวาว ว.วัชญาน์เล่าว่า ชีวิตวัยเด็กเติบโตขึ้นจากทุ่งต้นทองกวาว แม่เป็นคนปากร้ายใจดี อัธยาศัยใจคอชอบทำบุญ เป็นผู้กว้างขวาง หัวบ้านท้ายบ้านแม่รู้จักทั่วสารทิศ

ส่วนพ่อเป็นลูกครึ่งจีนไทยไหหลำ เสียไปตั้งแต่ว.วัชญาน์อายุ 6 เดือน แม่ผาจึงค้าขาย ของชำทุกอย่างและทำทุกอย่างเพื่อให้มีรายได้มาเลี้ยงลูก 7 คน ว.วัชญาน์เป็นคนที่ 7 เป็นเด็กแก่นซน ไม่เกรงกลัวใคร ใจคอหนักแน่น คบหมดหญิงชายแต่ใจลึกๆ ชอบคบเด็กผู้ชายมากกว่า

เสียงเพลง ล้อความตาย

“ชอบเพื่อนผู้ชาย เพราะเด็กผู้หญิงเอาแต่ร้องไห้ เพื่อนผู้ชายยิงนกตกปลาก็ไปกับเขา เจอกระสอบทรายก็เตะ”

แก่นซนขนาดนี้แล้วมาทางเนื้อร้องทำนองแต่ง-ร้องเพลงได้อย่างไร ตอบว่า ความชอบในกลอนและท่วงทำนองต่างๆ น่าจะมีพื้นฐานมาจากพี่ชาย พี่ชายคนหนึ่งชอบเขียนกลอนติดไว้ข้างฝา ไม่รู้หรอกว่าน้องสาวเข้ามาแอบอ่าน และได้เรียนรู้วิธีเขียนกลอนแปดจากกลอนข้างฝาบ้านนั่นเอง เด็กหญิงตัวน้อยรวบรวมเขียนจดไว้ในสมุดเล่มเล็กๆ มากมาย

“หัดอ่านแล้วก็หัดเขียนจากการได้มองบ่อยๆ ตอนเข้าไปถูห้องให้พี่ชาย ตอนนั้นยังไม่จบป.4 เลย คิดในใจว่า อืม เพราะดีนะ อ่านไปเรื่อย จนก็เขียนเอง หัดเอง เป็นกลอนแปดบ้าง เป็นบทดอกสร้อยบ้าง แต่งไว้เยอะมาก เพลงอดีตรักทองกวาวก็แต่งขึ้นในช่วงนี้ มาใส่ทำนองทีหลังเมื่อโตขึ้น”

เสียงเพลง ล้อความตาย

วัยเด็กของว.วัชญาน์ นอกจากจะใกล้ชิดกับธรรมชาติ เพราะเติบโตมากับท้องทุ่ง ก็ยังเข้าวัดตามแม่ ก้มกราบพระตามแม่ตั้งแต่ตัวยังน้อย เสียใจก็เมื่อโตขึ้นอยากเรียนหนังสือแต่แม่ไม่ให้เรียน ให้ไปเรียนเย็บผ้า เหตุผลของแม่คือโรงเรียนอยู่ไกล ไม่อยากให้ลูกสาวไกลตา ส่วนลูกผู้ชายทุกคนแม่ส่งเรียนหนังสือหมด

“พี่ไม่ออกจากบ้านตอน 15.30 นาฬิกาเลย เพราะเป็นตอนที่เด็กๆ กลับจากเรียนหนังสือ พี่อายเพื่อน อายว่าเราไม่ได้เรียนเหมือนคนอื่น แล้วมันก็เป็นภาพที่รับไม่ได้ ภาพที่เห็นเพื่อนๆ ทุกคนพากันเดินกลับจากโรงเรียน”

แต่ที่สุดว.วัชญาน์ก็หาทางเรียนจนได้ ด้นดั้นมาเรียนหนังสือด้วยตัวเองที่กรุงเทพฯ เข้าเรียนกวดวิชา โดยอาศัยบ้านญาติห่างๆ กันคนหนึ่งที่ฝั่งธนบุรี แลกกับการทำงานเล็กๆ น้อยๆ ยังจำชื่อโรงเรียนได้อยู่เลยชื่อ รร.อำมาตยศึกษา

เสียงเพลง ล้อความตาย

อยู่บ้านญาติหลายปีจึงย้ายออกมาอยู่หอพัก พี่สาวก็มาอยู่ด้วยแต่พี่เรียนเสริมสวย อยู่กรุงเทพฯ ไม่สุขสบาย ต้องทำงานหาเลี้ยงตัว ว.วัชญาน์สมัยนั้นทำงานเป็นเซลส์ เพื่อขายทุกอย่างที่ขายได้ ขอแค่ได้เงินเล็กๆ น้อยๆ จ่ายค่าหอค่ากิน เมื่อสอบเทียบได้วุฒิ ม.ปลายจึงสมัครเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง เกือบได้เป็นรุ่นแรกแต่คะแนนไม่พอ

ต่อมาเธอได้โอกาสมาทำงานที่กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ถนนพิษณุโลก ได้เจอผู้คนมากหน้าหลายตาและเริ่มเฉียดเข้าวงการเพลงก็ช่วงนี้ เมื่อได้เจอกับ ป.วรานนท์ นักแต่งเพลงคนดัง เพราะไม่ถูกกับงานโอเปอเรเตอร์ จึงขอย้ายมาทำงานควบคุมเสียง ต่อมาก็เป็นดีเจจัดรายการไปด้วยในตัว ชื่อรายการ “เพื่อน้อง” เป็นรายการสำหรับเด็ก

จากรายการเพื่อน้องก็ขยับขึ้นมาจัดรายการชื่อ “เพื่อคุณที่รัก” ว.วัชญาน์จัดรายการแบบทุ่มเท เธอทำการบ้านหาข้อมูล ถ้ามีโอกาสจะขอสัมภาษณ์เพื่อให้ได้บรรยากาศและความสดของเนื้อหา สลับกับการเปิดเพลงไพเราะคุ้นหู เป็นที่ถูกใจแฟนรายการในสมัยนั้นอย่างมาก

เสียงเพลง ล้อความตาย

“พี่ทำรายการหลายแนว ทั้งการเมือง การบ้าน ดารา บันเทิง สังคม ถ้ามีโอกาสจะสัมภาษณ์สด เพื่อให้ได้ความมีชีวิตชีวา ช่วงหนึ่งมาจัดรายการที่จส.100 เป็นรายการดังมากและทำทัวร์ไปด้วย แฟนรายการเช้าสายบ่ายเย็นเขาต้องได้ยินเสียงของพี่ไม่จากคลื่นใดก็คลื่นหนึ่ง หลายคนฟังทั้งวิทยุและจองทัวร์ไปเที่ยวกับพี่”

ช่วงทำรายการโด่งดังอายุ 26-27 ปี ว.วัชญาน์จัดรายการหักโหมจนสุขภาพย่ำแย่ ไม่แย่ได้อย่างไรในเมื่อจัดตั้งแต่ดึกยันเช้า หรือบางทีก็ควงเช้ายันบ่าย จนต่อไปถึงดึก ร่างกายไม่ได้พักไม่ได้ผ่อน กินนอนไม่เป็นเวลา ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังเพราะสนุกกับมัน กระทั่งวันหนึ่งลางร้ายก็มาเยือน

ลางร้ายมาเยือนและเตือนก่อนด้วยความดันโลหิตสูง ต่อมาพบเป็นโรคไตถึงขั้นเฉียดวาย โดยการทำงานของไตบกพร่องถึงขีดแดง ก็เพราะเวลากินไม่ได้กิน เวลานอนไม่ได้นอน ประกอบกับธรรมชาติดั้งเดิมเป็นคนมีขนาดของไตเล็กกว่าไตปกติของคนทั่วไป นอกจากนี้คือการทำงานเครียด อีกหนึ่งสมุหฐานโรค

เสียงเพลง ล้อความตาย

“ตาพร่า ตรวจแต่ไม่พบอะไรผิดปกติ ต่อมาอาเจียนตอนเช้าทุกเช้า ตัวก็เหลืองไปหมด อยากนอนอย่างเดียว ซีด ตรวจอย่างละเอียดจึงพบว่าไตไม่ไหว นี่เห็นไหม เพราะไม่รักตัวเอง ร่างกายเขาจึงเอาเรื่องกับเรา เขาจึงจัดการกับเรา หมอบอกตอนนี้ไตของคุณเหลือ 30% อาการทั้งหมดบ่งชี้ว่ามันคือไตวาย”

ว.วัชญาน์บอกว่า เคยคิดนะว่า ทำงานเยอะๆ ตอนหนุ่มสาว พออายุมากจะได้สบาย อยากเตือนทุกคนว่าอย่าได้คิดอย่างนั้นเป็นอันขาด คนทุกคนมีสิทธิ์แค่ปัจจุบันเท่านั้น ทำงานได้แต่ต้องดูแลตัวเอง เหนื่อยก็พักผ่อน เพราะปัจจุบันคือปัจจุบัน คุณไม่มีสิทธิ์ทดเวลาบาดเจ็บ หรือไปกินนอนชดเชยภายหลังได้จากมื้ออื่นวันอื่น

ความทรมานน่ะหรือ อย่าบอกใครเชียว คนป่วยโรคไตทรมานอย่างสุดจะทน อารมณ์สวิงขึ้นลง ประเดี๋ยวโกรธ ประเดี๋ยวเศร้า ประเดี๋ยวหดหู่หงุดหงิด เผลอกินน้ำส้มแก้วเดียวต้องวิ่งเข้าไอซียูแล้ว ชีวิตต้องปรับใหม่หมด ปรับอะไรและเปลี่ยนอะไร เผื่อว่าเพื่อนร่วมสังคมจะอยากรู้ คนเป็นโรคไตต้องเปลี่ยนอาหาร เปลี่ยนอารมณ์ เปลี่ยนนิสัยพฤติกรรม ละทิ้งตัวตนคนเก่า

“ชีวิตเคยปะฉะดะ ชีวิตเคยดิบ อารมณ์เคยดิบ เปลี่ยนหมด ชีวิตยามนี้เชื่องลงเยอะ จากเมื่อก่อนไม่ได้คือไม่ได้ อะไรถูกต้องอะไรไม่ถูกต้อง ไม่ยอมก็คือไม่ยอม แต่ถึงจุดหนึ่งเราเรียนรู้ เปลี่ยนแล้วก็ดีนะ ถึงวันนี้พี่สามารถไปไหนๆ กับศัตรูได้ ไปกินข้าวกับศัตรูก็ได้ เลี้ยงข้าวศัตรูยังได้เลย เพราะอะไรก็เพราะเรารู้ว่า ไม่มีอะไรที่จริงแท้แน่นอนหรอก”

เสียงเพลง ล้อความตาย

ยังไม่อยากตาย ชีวิตยังอยากทำอะไรอีกเยอะ ค่ารักษาโรคไตก็แพงมาก สมัยก่อนยังไม่มีสวัสดิการรัฐ ว.วัชญาน์ต้องออกค่ารักษาพยาบาลด้วยตัวเองทั้งหมด ที่โรงพยาบาลสมิติเวช แต่อะไรก็ไม่หนักหนาเท่ากับต้องผ่าตัดเปลี่ยนไต หากในโชคร้ายก็ยังมีโชคดี

“พี่สาวบริจาคให้ไตมาข้างหนึ่ง เป็นโชคร้ายในโชคดี ต้องขอบคุณเขา ขอบคุณตัวเองด้วยที่รักดูแลญาติพี่น้องเสมอมา ถึงวันที่ตกอยู่ในสภาพนั้น จึงได้กินบุญเก่า”

แม้จะถูกโรคไตคุกคาม หาก ว.วัชญาน์ในช่วงนั้น ก็ยังต้องทำงานต้องจัดรายการ เพราะปัจจัยก็ยังต้องหา ทุกอย่างแพงและจับต้องเป็นราคาค่างวดหมด ไหนจะค่าอยู่ค่ากินค่ารักษาค่าฟอก ขณะนั้นอายุ 35 ปี ได้ดนตรีและเสียงเพลงบำบัดจิตใจ รวมทั้งธรรมะจากพระพุทธองค์หล่อเลี้ยง ภาพตัวเองก้มกราบพระตามแม่ตอนเด็กๆ หวนเข้ามาในคำนึง

แม้เมื่อผ่าตัดเปลี่ยนไตในเวลาต่อมา แต่ความเจ็บไข้ก็ยังวนเวียน ชีวิตเล่นตลกกับเราหรือ ไม่ใช่หรอก แต่เขาเพียงจะบอกว่า เรายังต้องชดใช้ต่อไป ว.วัชญาน์ถูกเข็นเข้าโรงพยาบาลรับการผ่าตัดไส้ติ่ง ต่อมายังต้องผ่าตัดเนื้องอกก้อนโตที่รังไข่ที่ต่อไปอาจกลายเป็นมะเร็งร้าย ทั้งที่สุดของที่สุดก็ยังต้องผ่าตัดเปลี่ยนไตอีกเป็นครั้งที่ 2

เมื่อ 13 ปีก่อน ไตที่พี่สาวบริจาคให้มาหมดอายุ ไตที่ได้มาต่อชีวิตเป็นครั้งที่สองได้มาจากหลานชายคนหนึ่ง ที่ก็ได้เกื้อกูลกันมาเก่า ถ้าเขาไม่ให้ใจเรา เราก็จะไม่ได้ไตเขา นี่คือคำที่ ว.วัชญาน์ใช้อธิบายสถานการณ์ของคนไข้โรคไต ไตที่ได้มาเป็นครั้งที่สองและคงเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตแล้ว

“โรคไตเป็นโรคที่น่าเบื่อหน่าย จิตใจสิ่งแวดล้อมมันแย่และห่อเหี่ยวหมด สุดท้ายแล้วแม้แต่ไตที่ได้มา มันก็มีอายุของมัน และมันก็หมายถึงอายุของเราด้วย”

ทุกวันนี้ทำอาหารสุขภาพกินเอง เลิกเบียดเบียนตัวเอง ไม่เป็นเหยื่อของอารมณ์ ไม่เป็นเหยื่อของสิ่งแวดล้อม หมายถึงไม่มีอะไรมากวนน้ำให้ขุ่น อารมณ์ไม่มัวหมองง่าย เป็นเพื่อนเป็นมิตรกับตนด้วยน้ำใสใจจริง และไม่ลืมที่จะปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมสังคม ส่วนการงานก็ถือเป็นโชค เพราะปัจจุบันได้ทำงานที่รัก เป็นนักจัดรายการวิทยุที่คลื่น 96.5 รวมทั้งจัดคอนเสิร์ตการกุศลเป็นระยะๆ

ช่วงเวลาที่อยู่อาศัยร่วมกับโรคภัย เป็นช่วงเวลาที่ ว.วัชญาน์ตั้งจิตมั่น หากโรคหากภัยยอมลดราวาศอก เธอจะทำความดีถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และทำความดีตอบแทนแผ่นดิน คำอธิษฐานนั้นนำมาซึ่งการดำเนินชีวิตในปัจจุบันที่ทุ่มเทเวลานาทีให้กับการทำคุณงามความดีในหลายวาระโอกาส 

“ทำเท่าที่จะมีกำลังทำไหว ตั้งแต่หายจากหลายโรคที่เป็นอยู่และประคับประคองตัวเองมาได้ พี่ก็ทำเทปเพลงธรรมะหลายชุด โดยนำหลักธรรมคำสอนของพระอริยสงฆ์รวมทั้งคำสอนทางพุทธศาสนามาใส่ทำนองเป็นเพลงธรรมะแจกจ่ายไป”

นอกจากนี้ก็จัดคอนเสิร์ตการกุศล “เพลงไทยไพเราะที่สุดในโลก” และคอนเสิร์ตการกุศล “ว.วัชญาน์ กับ เพื่อนพ้องน้องพี่” หารายได้เพื่อการกุศล จัดต่อเนื่องมาหลายปี

เหมือนชีวิตสอนให้เรารู้ สอนให้เราระมัดระวัง คำพระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้เป็นพันปีนำมากล่าวย้ำในใจว่า ต่อไปนี้จะประมาทไม่ได้นะ ปัจจุบันในวัย 67 ปีของนักร้องนักแต่งเพลง ว.วัชญาน์ใช้อย่างรู้คุณ ไม่ฮึกไม่เหิม ทำอะไรทำโดยประณีต ชีวิตใช้อย่างบรรจง เพราะชีวิตเคยเตือนเราแล้วว่า เราเคยใกล้ความตายแค่ไหน