posttoday

เซนณิชา โอภากุล ลูกไม้ใต้ต้น แอ๊ด คาราบาว

07 พฤศจิกายน 2556

ในประเทศไทยลูกเล็กเด็กแดงไล่ไปจนถึงคนแก่เฒ่า จะมีสักกี่คนที่ไม่รู้จัก “แอ๊ด คาราบาว” ชื่อชั้นของเขาโด่งดังในบทบาทนักร้องเพลงเพื่อชีวิต

โดย...นกขุนทอง ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล

ในประเทศไทยลูกเล็กเด็กแดงไล่ไปจนถึงคนแก่เฒ่า จะมีสักกี่คนที่ไม่รู้จัก “แอ๊ด คาราบาว” ชื่อชั้นของเขาโด่งดังในบทบาทนักร้องเพลงเพื่อชีวิต ไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย บทเพลงของเขาทั้งเก่าและใหม่ก็ยังคงกึกก้องอยู่ในใจผู้คน แม้จะไม่ใช่คอเพลงเพื่อชีวิตก็ต้องรู้จัก ขณะที่ลูกเมียของเขานั้นน้อยคนนักที่จะคุ้นหน้าค่าตา จะว่าเพราะคนในครอบครัวนี้เก็บตัวก็ไม่ใช่ แต่เพราะการไม่ชอบออกสื่อและพรีเซนต์ตัวเองเป็นลูกคนดัง จึงทำให้ชื่อของ “เซน-ณิชา โอภากุล” ลูกสาวคนโต ยังเป็นที่รู้จักไม่มากนัก แต่ก็เริ่มฉายแสงแบบลูกไม้ใต้ต้น

เซน เป็นที่จดจำของผู้คนได้จำนวนมาก จากการเปิดตัวเป็นหนึ่งในผู้สมัครเข้าประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2542 การเปิดตัวในครั้งนั้นทั้งสร้างชื่อและสร้างผลลบต่อตัวเธอมากมาย

“ตอนนั้นมีกระแสว่าเราไปทำศัลยกรรมเยอะมาก แต่เซนไม่เคยออกมาแก้ตัวเลย เพราะออกมาก็เท่ากับว่าเราร้อนตัว เอาไว้มาเจอตัวจริงมาดูใกล้ๆ มาจับจมูกโยกกันเลยดีกว่า จมูก ตา ปาก ของจริงทั้งนั้น อาศัยการแต่งหน้าก็ช่วยปกปิดจุดบกพร่องให้เราสวยขึ้นได้

ตั้งแต่เข้าไปประกวดด่ากันเยอะเหลือเกิน สวยเกินพ่อแม่เหรอ ขอโทษมาดูพ่อแม่ฉันก่อนว่าสวยหล่อแค่ไหน ตอนพ่อหนุ่มสาวติดกันตรึม น้องสาวเซนสวยเป๊ะ ที่ด่าๆ มาก็เครียดนะ แต่เราเงียบดีกว่า และตอนนั้นเซนก็ไม่ได้อยากดัง ไม่ได้อยากเข้าวงการบันเทิง ตอนเข้าประกวดตอนนั้นเป็นธุรกิจ ไม่ได้อยากเข้าไป ตอนนั้นเซนเป็นนักข่าวให้บริษัทฝรั่ง แล้วบริษัทนี้เป็นสปอนเซอร์เวทีประกวดนี้ ตอนนั้นเป็นเรื่องวงในไม่พูดกัน แต่ตอนนี้พูดได้ คนจะได้รู้ซะทีว่าเราไม่ต้องการขนาดนั้น เซนรู้ว่าเราไม่ได้สูง สวยขนาดนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องต่อสู้ฝ่าฟัน”

ด้วยนิสัยตรงๆ และเป็นตัวเองสูงของเซน ทำให้ห่างไกลจากงานเบื้องหน้า ซึ่งเธอเองก็มีเป้าหมายมาตลอดอยู่แล้วว่าอยากทำงานเบื้องหลัง อยากทำงานที่ดูมั่นคง เป็นผู้บริหารมากกว่า

“เคยมีบทมาเสนอ แต่เป็นบทหญิงขายชาติ ซึ่งเซนคิดว่ามันไม่ใช่ตัวเราเลยไม่รับ เซนรู้สึกว่าการทำงานในวงการบันเทิงอยู่เบื้องหน้าไม่ใช่ตัวตนเรา วงการบันเทิงของไทยพูดตรงไปคนก็เกลียด แอ๊บก็ว่า ตกลงอยากให้เราเป็นอะไร ข่าวที่ออกมาก็มีแต่คนนั้นรักกับคนนี้ เราไม่อยากเปิดหน้าข่าวมาเป็นแบบนี้ เซนชอบอะไรที่มั่นคง พ่ออยู่มาได้นี่พิเศษกว่าใครเขา เพราะเดี๋ยวนี้คนหล่อสวยอายุ 30 ขึ้นคุณก็หมดแล้ว ยิ่งเรื่องทำหน้าไม่ชอบ เวลาเข้าวงการจะมีมาบ่น หน้าต้องเติมตรงนั้น ต้องแก้ตรงนี้หน่อย เซนไม่ทำ”

ปัจจุบันเซนนั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท มองโกล ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อจัดการภารกิจทุกอย่างของสมาชิกวงคาราบาวโดยเฉพาะ แต่ก่อนที่จะก้าวมาถึงตำแหน่งนี้ เซนเริ่มต้นตั้งแต่เป็นเด็กถ่ายเอกสาร อยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ดูแลภาพลักษณ์ ทวงหนี้ เรียกว่าเรียนรู้งานแทบทุกฝ่ายก่อนที่จะขึ้นมารับไม้ต่อจากคุณแม่ (ลินจง โอภากุล)

“เวลามีปัญหาอะไรก็ปรึกษาคุณแม่ เราโตมาได้เพราะพ่อแม่เลี้ยง ถามคนอื่นไม่ได้ รู้จริง รักจริงหรือเปล่าไม่รู้เลย แต่คุณแม่ทำให้วงเยอะมาก ดูแลเงินค่าตัวทุกอย่าง โบนัสให้เยอะมาก รักพี่ๆ น้าๆ ทุกคน คอยแต่หาผลประโยชน์ให้ มองโกลคือบริษัทที่รักคาราบาว หาผลประโยชน์ให้คาราบาว เราดูแลกันเหมือนครอบครัว อย่างเซนเองเห็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว เห็นหลังพ่อเล่นคอนเสิร์ตตั้งแต่เด็ก ทัวร์คอนเสิร์ตก็ไปด้วย ก็เคยมีอยากไปทำงานอย่างอื่น และก็เคยได้ทำแล้ว แต่ไปไหนรอดไหม (หัวเราะ) ก็ยังอยู่กับคาราบาว รักพ่อแม่เลยกลับมา มาช่วยกันทำตรงนี้ พ่อเคยเรียกไปคุย บอกว่า ถ้างานที่ทำอยู่ไม่มีความสุขแล้วให้มาบอก พ่อจะให้ไปทำอย่างอื่น เพราะสำคัญที่สุดทำอะไรก็ได้ต้องทำอย่างมีความสุข”

หลายคนมักทักว่า เซนเหมือนคุณพ่อทั้งนิสัยใจคอและท่าทีการแสดงออก ซึ่งเซนก็พยักหน้ายอมรับ แต่ก็ยังแย้งว่าเหมือนพ่อตอนพ่อหนุ่มๆ “เวลาที่เซนคุยกับคุณแม่ บางทีก็มีเถียงบ้าง คุณแม่มักบอกว่าเหมือนพ่อเลย อย่าทำนิสัยแบบพ่อนะ (หัวเราะ) แต่เวลาอยู่กับพ่อแอ๊ด ก็มักบอกว่าเหมือนแม่เลย ก็เลยได้ขั้วบวกขั้วลบผสมกัน คงเป็นเพราะเราอยู่ด้วยกันมา พ่อแม่ปลูกฝังเราทั้งที่เรียกมาพูดคุยและเราเห็นเอง อย่างหนึ่งที่เซนเห็นคือ ทุกคนในวงคาราบาวรักกันมาก เรื่องเพื่อนนี่สำคัญ เราก็อยากได้เพื่อนเป็นกลุ่มเหมือนแบบที่เขามี เพราะเพื่อนในชีวิตสำคัญ คบเพื่อนดีก็เดินไปในทางที่ดีด้วยกัน

เซนได้แนวคิดจากพ่อแอ๊ดเยอะมาก ถึงพ่อจะทัวร์คอนเสิร์ตเยอะ แต่ก็มีเวลาอยู่ด้วยกันนะ เพราะตอนเด็กเราไปด้วย เขาคุยอะไรได้ยินหมด และเพลงของพ่อสอนได้หมด ฟังตามเพลง รู้จักอองซานซูจีก็เพราะพ่อเล่า เรื่องศิลปินเมืองนอกก็ได้อิทธิพลจากพ่อ แอโรสมิธ กันส์แอนด์โรสเซส พ่อเขาชอบเราก็ชอบตาม เวลาเดินผ่านกับพ่อหรือคุยกันแค่ 5 นาที ก็ได้อะไรเยอะมาก ช่วงเวลาที่คุยกับพ่อเป็นช่วงเวลาที่หวงแหน พิเศษมาก แต่พ่อแม่สอนลูกก็ขึ้นอยู่ที่ลูกจะนำมาตีความยังไง รับมายังไง เพราะอย่างเซนกับน้องก็ยังรับสิ่งที่พ่อบอกไม่เหมือนกัน”

นามสกุลโอภากุล ที่ต่อท้ายชื่อ ทำให้เซนเป็นที่รู้จักได้ง่ายว่าเธอคือใคร แต่การที่เธอจะทำอะไร จะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่ที่ตัวเธอ และการจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานก็ด้วยความสามารถ ไม่ใช่เพราะเป็นลูกพ่อแอ๊ดจึงมีอภิสิทธิ์ มีโอกาสเหนือกว่าคนอื่นๆ เพราะพ่อแม่สอนมาแต่เด็กให้ช่วยเหลือตัวเอง รับผิดชอบตัวเองให้ได้ ให้ความอิสระ ทำอะไรก็ได้ที่มีความสุข แต่ต้องไม่เดือดร้อนคนอื่น