posttoday

หวังสักวัน...จะโบยบิน ‘ภูมินทร์ นภาวุฒิ’

13 ธันวาคม 2555

“ภูมินทร์ นภาวุฒิ” หรือ “คอปเตอร์” ชื่อจำง่าย ตัวสูง โดดเด่น ใครเห็นก็สะดุดตา... แต่ใบพัด ตัวเครื่อง และประสิทธิภาพ จะเป็นคอปเตอร์ชนิดใดกัน

“ภูมินทร์ นภาวุฒิ” หรือ “คอปเตอร์” ชื่อจำง่าย ตัวสูง โดดเด่น ใครเห็นก็สะดุดตา... แต่ใบพัด ตัวเครื่อง และประสิทธิภาพ จะเป็นคอปเตอร์ชนิดใดกัน

โดย...ณัฐพล ช่วงประยูร

“ภูมินทร์ นภาวุฒิ” หรือ “คอปเตอร์” ชื่อจำง่าย ตัวสูง โดดเด่น ใครเห็นก็สะดุดตา... แต่ใบพัด ตัวเครื่อง และประสิทธิภาพ จะเป็นคอปเตอร์ชนิดใดกัน

แม้ยังอ่อนวัยนักแต่เขาก็ฝ่าฟันวัยรุ่นคนอื่นๆ ก้าวมาเป็นตัวจริง 11 คน ในโครงการ จี-จูเนียร์ (G-Junior) ของค่ายจีไอดี สังกัด จีเอ็มเอ็ม นับตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และเพื่อไปสู่เป้าหมายงานด้านการร้องเล่นเต้นแสดงที่ดี คอปเตอร์และเพื่อนๆ ร่วมโครงการ จำต้องผ่านด่านผู้เชี่ยวชาญสาขาร้อง เต้น แสดง และทักษะทางภาษา เสริมสร้างประสบการณ์

พร้อมสู่วงการบันเทิงรุ่นใหม่ ที่ไม่ใช่ตลาดในประเทศเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่เป็นการมองไกลถึงระดับภูมิภาคเอเชีย จนวันนี้เขาและเพื่อนๆ ก็เข้าสู่โหมดการจัดวางตัวเพื่อพัฒนางานเฉพาะของแต่ละคน และเข้าสู่กระบวนการผลิตต่อไป

นอกจากนั้น เขาเริ่มต้นชิมลางงานเบาๆ จากการเป็นพิธีกรรายการ เอ็มวี รีเควส ช่อง จีเอ็มเอ็ม มิวสิค ออกอากาศทุกวันจันทร์ศุกร์ เวลา 20.00-22.00 น.

“ตัวตนของผม ดูเป็นคนขี้รำคาญง่าย แต่เข้ากับคนอื่นได้ดี ขี้สงสารด้วย เป็นคนมีความมั่นใจ แต่ชอบกังวล แต่สำหรับสายตาคนอื่นเขามองเราว่าเราเป็นคนซื่อๆ

ทำอะไรไม่เข้ากับหน้าตา รักสนุก ตลก ทะเล้น ชื่อคอปเตอร์เพราะคุณแม่ชอบมองเฮลิคอปเตอร์ครับ ผมเป็นลูกชายคนเดียว บางคนอาจคิดว่าเป็นลูกคนเดียวเอาแต่ใจตนเอง

แต่ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยครับ พ่อกับแม่บอกตลอดว่าอยากทำอะไรก็ให้ทำอย่างเต็มที่ ทำแล้วให้ประสบความสำเร็จ แต่เวลาผมอยากได้อะไร แม่จะไม่ตามใจ นานๆ สักครั้งถึงจะได้สักที

ความตั้งใจแรกที่ผมเข้ามาจี-จูเนียร์ เกิดจากการชักชวนจากเพื่อนที่จะมาออดิชัน ก็มากับเพื่อนด้วยกัน เรื่องที่มีปัญหาคือ ผมยังไม่ได้เรียนร้องเพลงมาก่อน (หัวเราะ) ก็ทราบว่าคงค่อนข้างลำบาก

ใจคิดว่าลองดูสนุกๆ อาศัยว่าผมมีความสามารถเรื่องเต้นน่ะครับ เพราะชอบเต้นบีบอยมาตั้งแต่มัธยมต้น เคยไปเต้นให้กับโครงการ ทู บี นัมเบอร์ วัน แล้วรู้สึกติดใจที่ได้ทำงานนี้

หลังเลิกเรียนผมก็ไปรวมกลุ่มกันเต้นกับเพื่อนเป็นประจำแทบทุกวัน มีรุ่นพี่ที่เต้นเก่งๆ สอนให้ผม แต่ถึงจะอ่อนร้อง ผมก็ยังชอบครับ ส่วนในเรื่องการแสดงเป็นอะไรที่ใหม่มาก คิดว่าที่ผ่านเข้ามารอบสุดท้ายได้

กรรมการน่าจะเลือกผม เพราะมองเห็นแววที่ทำอะไรได้มากกว่าการร้องเพลง และผมเองก็คาดหวังว่า อนาคตข้างหน้าจะได้มีเพลงที่คนฟังติดหู เหมือนพี่ชินชินวุฒ กอลฟ์พิชญะ หรือ แกงส้ม เดอะสตาร์ พวกเขาเก่งมาก

ถ้ามองกันถึงสไตล์ ผมชอบพี่ชิน ชินวุฒ รุ่นพี่จี-จูเนียร์ ที่ตอนนี้ประสบความสำเร็จไปแล้ว เขามีความเป็นตัวเองสูง เป็นคนเหมือนไม่คิดอะไรมากแต่มีสไตล์ สัมผัสได้ว่าเขามีความสุขกับสิ่งที่เค้าเป็น ดูขี้เล่น แบดบอย แต่มีความเป็นสุภาพบุรุษด้วยครับ

จากวันแรกมาถึงวันนี้คุณพ่อคุณแม่ก็สนับสนุนเต็มที่ รู้ว่าร้องเพลงไม่เก่ง ท่านก็ส่งผมเรียนร้องเพลง ตอนแรกแม่เขาก็ไม่ยอมที่เข้ามาตรงนี้เท่าไรนัก

แต่พอเข้ามาได้จริงๆ ถือว่าสร้างโอกาสตรงนี้มาก แล้วก็ยอมรับสิ่งที่ผมทำ อันที่จริงเราสนิทกันมากครับถ้าเทียบกับคุณพ่อ กิจกรรมที่ทำด้วยกันกับคุณแม่ตลอดคือเล่นกับน้องหมา

สำหรับเรื่องเรียน ผมไม่ได้เรียนเก่งมาก วิชาที่ชอบ คือ วิทยาศาสตร์ พวกกลุ่มฟิสิกส์ เพราะเรียนแล้วรู้สึกว่ามันน่าสนใจ เรียนสนุก เวลาเอามาอ่านก็เข้าใจ แต่วิชาที่ถนัดสุด คือ วิชาภาษาอังกฤษ และวันว่างก็ออกกำลังกาย ตอนนี้เข้าฟิตเนสบ่อยขึ้น ดูแลตัวเอง ควบคุมอาหาร ผมใช้เวลาในยิมประมาณ 3-4 วันต่อสัปดาห์ แต่ละครั้งประมาณ 1 ชั่วโมง

ถ้าเป็นกีฬาที่ถนัดคงไม่พ้นบาสเก็ตบอล แต่ตอนเด็กๆ ชอบว่ายน้ำด้วย” เราไม่แปลกใจถึงที่มาของความสูง และวินัยที่นำไปสู่การเป็นศิลปินที่ดี

“สำหรับสเปกสาวๆ ผมไม่เคยมีแฟนตอนเด็กๆ อาจเป็นเพราะเรียนชายล้วนตั้งแต่ประถมศึกษา เคยเจอผู้หญิงแล้วสั่นด้วย แล้วก็มีแฟนตอนมัธยม 4 แค่นั้นเอง แต่ผมว่าเสน่ห์ของผู้หญิงอยู่ที่ความนิ่งและความสามารถ ถ้าเป็นเรื่องรูปกายภายนอก ผมก็ไม่คิดว่ามีความสำคัญเท่าภายใน แต่จะให้เลือกว่ามองแล้วชอบ ก็มีหลายแบบเลย ไม่ได้กะเกณฑ์ว่าต้องยังไงนะครับ บางคนสวย แต่ผมไม่ชอบก็มีครับ

เรื่องจิตใจสำคัญครับ ที่บ้านสอนเสมอว่า ให้เคารพคนอื่น ช่วยเหลือและมีน้ำใจกับคนรอบข้าง พ่อมักบอกว่าอย่าทำให้คนอื่นและตนเองเดือดร้อน พ่อให้กำลังใจเรื่องงานตลอด ถามว่าไหวไหม

ส่วนคุณแม่จะสอนว่าเราควรต้องทำอะไรให้ดีที่สุดเพื่ออนาคตที่ดีข้างหน้า ครอบครัวไม่ได้จำกัดอะไรมากไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องอื่น แค่บอกว่าถ้ายังอยากทำตรงนี้ก็ให้พยายามให้มากกว่านี้ ทำดีไปเรื่อยๆ ส่วนเพื่อนๆ ก็คอยช่วยเหลือผมเรื่องการเรียน คอยดูงานตามงานให้ครับ คิดว่าเรียนจบจากนี้ผมคิดว่าคงจะเรียนต่อสายที่เชื่อมโยงกับด้านการบิน เพราะผมมีความฝันคืออยากเรียนการบิน แม้ว่าที่บ้านจะทำธุรกิจส่วนตัว แต่ครอบครัวไม่บังคับครับ”

ระหว่างคุย ผู้รับผิดชอบโครงการบอกกับเราว่า เวทีนี้อาจสร้างชื่อจากตรงอื่นก่อนได้ เพราะสุดท้ายไม่ได้จำกัดว่าจะต้องจบมาเป็นนักร้องได้อย่างเดียว ถ้าดูจากรายการ จีจูเนียร์ จะรู้ว่าเขาไม่ได้ชี้ว่า ใครคือผู้ชนะ โครงการพัฒนาเด็กทุกคน และดูว่าเขาถนัดอะไร จากนั้นถึงจะดันเขาไปต่อตามแบบที่เขาถนัด

“ตลอดเวลาที่อยู่ในโครงการจี-จูเนียร์มา เรื่องที่ทำให้เสียใจที่สุด ก็คือการร้องเพลงได้ไม่ดี ผมไม่เคยกลัวว่างานจะหนัก แต่ผมกลัวว่าจะทำไม่ได้ ก็มีถึงขั้นเสียน้ำตาเลย มันเป็นความเครียด

จนทำให้น้ำตาร่วงเลยครับ แต่พี่ๆ ทุกคนก็เป็นคนให้กำลังใจ ตอนนั้นวิธีการแก้ปัญหาคือ ตั้งสติให้มากๆ คิดให้รอบคอบ ลุกมาตั้งหลักแล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ยังมีอะไรอีกไหมที่ผมคิดว่าอีกเยอะเลย

แต่เรื่องหนึ่งคือ อยากมีแฟน (หัวเราะ) เพราะยังไม่เคยมีกับใครเขาจริงๆ สักที แต่ที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ อยากเป็นศิลปิน อยากร้องเพลงให้เก่ง ให้ดี และมีคนชอบ คนปลื้มที่ความเป็นธรรมชาติของผม”

 

&<2288;