อาชญากรไซเบอร์ น่ากลัวกว่าคนแปลกหน้า
รายงานความเสี่ยงทั่วโลกประจำปี 2019 จาก World Economic Forum ได้วาดภาพอันน่าสะพรึงของภัยคุกคามอันดับต้นๆ
เรื่อง แอนทอน ชินกาเรฟ รองประธานฝ่ายกิจการสาธารณะ แคสเปอร์สกี้ แลป
รายงานความเสี่ยงทั่วโลกประจำปี 2019 จาก World Economic Forum ได้วาดภาพอันน่าสะพรึงของภัยคุกคามอันดับต้นๆ ต่อโลกไว้ โดยที่นำโด่งมาอันดับแรก และแผ่อิทธิพลครอบงำทุกสิ่งที่ตามมา คือ ผลกระทบจากความต่างระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นทุกวัน มีประเทศจำนวนมากที่กำลังหาหนทางควบคุมทิศทางประเทศของตนในเรื่องต่างๆ อาทิ กิจการภายใน เศรษฐกิจ ความมั่นคงปลอดภัย มากขึ้นทุกที
ในโลกที่ต่อเชื่อมโยงเข้าถึงกันหลายมิติเช่นนี้ ผู้ร้ายไซเบอร์ตั้งแต่กลุ่มจารกรรมที่มีผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการโดยรัฐบาลไปจนกระทั่งโจรทั่วไป สามารถจะโจมตีใครก็ย่อมได้ และรัฐบาลของแต่ละประเทศก็ย่อมต้องพยายามที่จะปกป้องประชาชนของตนเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ซึ่งรูปแบบการกีดกันทางการค้าตั้งกำแพงสกัดกั้นการค้าขายเลือกเฉพาะทำธุรกิจเฉพาะรายไปเช่นนี้ คือ การทำ “Balkanization” ของระบบความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
ช่วงกลางปี 2561 จากการสำรวจข้อมูลจากหลายประเทศเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่อยู่ในจิตใจของผู้คนต่างๆ ได้ดีขึ้น เกี่ยวกับองค์กรบริษัทธุรกิจที่มาจากประเทศอื่นนอกประเทศของตนเอง และเกี่ยวกับความปลอดภัยทางออนไลน์ พบว่า คนส่วนมากมิได้กลัว “Stranger Danger” หรืออันตรายจากคนแปลกหน้าจากที่อื่นๆ มากเท่าที่รัฐบาลของพวกเขาคิดแทน
ขณะที่กลุ่มธุรกิจจำนวนเกินครึ่ง หรือ 55% และกลุ่มผู้บริโภค 66% ต่างกล่าวว่า รัฐบาลของพวกเขาควรที่จะเลือกทำงานไปกับบริษัทเวนเดอร์ที่มีผลิตภัณฑ์และบริการที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมที่สุดจะดีกว่า แม้จะเป็นเวนเดอร์จากภายนอกประเทศของตนเองก็ตาม ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้น 8 ใน 10 โดยเฉพาะในพื้นที่วิกฤตด้านความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ
รัฐบาลมีหน้าที่ต้องป้องกันโครงการหลักสำคัญของประเทศ รวมทั้งระบบเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนในประเทศ ในโลกไซเบอร์ ย่อมหมายถึงการให้ความปลอดภัยกรอบการทำงานการใช้งานไซเบอร์ของทั้งประเทศ ให้พ้นความเสี่ยงจากภัยคุกคามไซเบอร์ที่มาจากภายนอก การบ่อนทำลาย และการจารกรรมไซเบอร์ ที่ง่ายดายที่สุดที่พึงทำได้ในสถานการณ์เช่นนี้คือ การจำกัดหรือแบนซัพพลายเออร์ที่มาจากประเทศที่เป็นกังวล แต่คนที่ได้รับประโยชน์จากการจำกัดกีดกันเช่นนี้ คือ อาชญากรไซเบอร์ เพราะภัยคุกคามไซเบอร์ไม่มีพรมแดน ดังนั้น เพื่อรับมือกับภัยเหล่านี้ ระบบความมั่นคงปลอดภัยจำเป็นจะต้องปฏิบัติการได้แบบไร้พรมแดนเช่นเดียวกัน
บริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านระบบความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะมาจากประเทศใดก็ตาม ต่างทำสงครามต่อสู้อยู่กับผู้ร้ายไซเบอร์กลุ่มเดียวกัน และความร่วมมือระหว่างกันจะเป็นประโยชน์ต่อวงการอุตสาหกรรมของเรามากกว่า ไม่มีบริษัทใดที่สามารถมองได้รอบด้านเห็น 360 องศา รู้และทันเกมของภัยไซเบอร์ได้ทั้งหมด แต่หากมีความร่วมมือกัน นักวิจัยจากต่างองค์กร ต่างบริษัทกันก็สามารถที่จะเข้าใจสภาพการณ์และตามเกมภัยไซเบอร์ได้ดียิ่งขึ้น