posttoday

3 เทรนด์เทคโนโลยี สร้างสมดุลงาน-ชีวิต

05 มีนาคม 2562

ปี 2562 นับเป็นปีที่ธุรกิจไอทีจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ทั้งในการทำงานและชีวิตส่วนตัวมากขึ้น

เรื่อง ชไนเดอร์ อิเล็คทริค

ปี 2562 นับเป็นปีที่ธุรกิจไอทีจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ทั้งในการทำงานและชีวิตส่วนตัวมากขึ้น จนกล่าวได้ว่าปีนี้เป็นปีทองของเทคโนโลยีก็ว่าได้

โรมาริก เอินส์ท รองประธานธุรกิจไอทีสำหรับองค์กร ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย เปิดเผยว่า 3 เทรนด์หลักที่มีแนวโน้มในการเกิดขึ้นทั่วโลก ได้แก่ เอดจ์ คอมพิวติ้ง ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ และสร้างสมดุลให้กับงานและการใช้ชีวิต

ปัจจุบันกำลังมาถึงจุดที่เอดจ์ คอมพิวติ้ง เข้าสู่ช่วงของการสร้างผลิตผลและกลายเป็นจริง ทั้งนี้ ผู้ใช้ในองค์กรและผู้บริโภคจะเริ่มสัมผัส เอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ได้จากบริการที่นำเสนอในรูปแบบต่างๆ ซึ่ง Global Market Insights คาดการณ์ว่า ตลาดเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ จะอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2567 โดยมีการลงทุนระบบโครงสร้างเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ แล้วในเกือบทุกภาคส่วน

ปัจจัยที่ผลักดันให้เกิดความต้องการเอดจ์ คอมพิวติ้ง คือผู้บริโภคไม่อดทนกับเรื่องความล่าช้า ดังนั้นการเข้าถึงข้อมูลและความสามารถในการวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ การตัดสินใจสำคัญหลายอย่างในธุรกิจและการตัดสินใจของผู้บริโภค ล้วนขึ้นอยู่กับความคล่องตัวในการเรียกใช้ข้อมูลได้ทันใจในแบบเรียลไทม์

ขณะที่ความต้องการด้านการบริการต่างๆ ที่ต้องอาศัยเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่น โมบาย มันนี่ แอพ ที่ให้ประสิทธิภาพการใช้งานได้ ณ สถานที่นั้นๆ ลูกค้าก็ได้รับประสบการณ์โดยรวมที่ดีขึ้น หรือการทำวิดีโอสตรีมมิ่ง ยานยนต์แบบไร้คนขับ เทคโนโลยีเหล่านี้ ล้วนต้องอาศัยเอดจ์ คอมพิวติ้ง ประสิทธิภาพสูง

ในส่วนของปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ เป็นที่พูดถึงกันเป็นอันดับต้นๆ มาตั้งแต่ปี 2561 และยังคงขยายวงกว้างจนถึงปีนี้ เพราะในแวดวงธุรกิจหรือกระทั่งที่บ้าน ทั้งเวิร์กโหลดและแอพที่ต้องใช้ข้อมูลอย่างจริงจัง ซึ่งให้ศักยภาพการทำงานผ่านเครือข่ายเอดจ์ใหม่ ล้วนต้องอาศัยเอไอในการวิเคราะห์และแปลข้อมูลจากแอพต่างๆ เพื่อช่วยสามารถตัดสินใจและตอบรับกับสถานการณ์ได้แบบเรียลไทม์

ทั้งนี้ เอไอจะช่วยเรื่องการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย ประสิทธิภาพการทำงานและระยะเวลาในการตอบสนองการใช้งาน ซึ่งจะแยกจากงานหนักในส่วนโมเดลการฝึกฝนของเอไอที่เป็นสเกลใหญ่ ซึ่งต้องทำผ่านดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีศูนย์กลางอยู่บน
คลาวด์ โดยเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ที่มีการมอนิเตอร์อยู่ตลอด จะเกาะติดกิจกรรมที่มีความผิดปกติ โดยอาศัยการเรียนรู้ของเอไอ ว่าระบบไหนมีพฤติกรรมการทำงานอย่างไร

ในทางกลับกันก็จะช่วยขับเคลื่อนในเรื่องของการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และการบำรุงรักษาระบบงานในเชิงรุกตามเงื่อนไขการทำงาน การเรียนรู้ในระดับของจักรกลจะช่วยให้บริหารจัดการได้อย่างเรียบง่าย ช่วยลดเวลา และลดการใช้ทรัพยากรสำหรับกิจกรรมที่เพิ่มคุณค่าทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

นอกจากนี้ เอไอ และเอดจ์ คอมพิวติ้ง จะวิเคราะห์ได้มากขึ้นและสามารถพยากรณ์แม่นยำมากขึ้น ศักยภาพเหล่านี้จะช่วยจัดสมดุลให้กับชีวิตทั้งเรื่องความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นแต่การสร้างสมดุลที่ถูกต้อง ต้องอาศัยทัศนคติที่ให้ความสำคัญเรื่องของคนมาเป็นอันดับแรก

กล่าวได้ว่าเครื่องมือในการบริหารจัดการซอฟต์แวร์ กำลังช่วยให้มืออาชีพด้านไอที สร้างสมดุลของการใช้ชีวิตและการทำงานได้ดีขึ้น โดยช่วยให้จัดลำดับความสำคัญของข้อมูลที่จำเป็นต่อธุรกิจได้