posttoday

ไทยตื่นทำแผนรับมือภัยไซเบอร์

10 พฤษภาคม 2561

"บิ๊กตู่" สั่งเตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามจากไซเบอร์ 4 ด้าน หวังยกระดับติดกลุ่มประเทศมีความปลอดภัย

"บิ๊กตู่" สั่งเตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามจากไซเบอร์ 4 ด้าน หวังยกระดับติดกลุ่มประเทศมีความปลอดภัย

ที่ประชุมคณะเตรียมการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานนัดแรก เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบแนวทางสร้างความมั่นคงทางไซเบอร์ของประเทศ 4 เรื่อง

นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า เรื่องที่ 1 เห็นชอบนโยบายและแผนระดับชาติเพื่อปกป้องรับมือ ป้องกันและลดความเสี่ยงให้ไปทิศทางเดียวกัน โดยให้จัดกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศของประเทศเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มความมั่นคงและบริการภาครัฐ กลุ่มการเงิน กลุ่มเทคโนโลยี สารสนเทศและโทรคมนาคม กลุ่มการขนส่งและโลจิสติกส์ กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค และกลุ่มสาธารณสุข เพื่อยกระดับแผนการทำงานในแต่ละด้าน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงดีอีได้ประสานงานกับหลายหน่วยงานที่มีแผนป้องกันภัยจากไซเบอร์อยู่แล้ว เช่น ธนาคาร สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่านศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทย (ไทยเซิร์ต) เพื่อซ้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน

เรื่องที่ 2 เห็นชอบแนวทางการกำหนดโครงสร้างพื้นฐานสำคัญเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน เรื่องที่ 3 เห็นชอบแนวทางการพัฒนาบุคลากรระยะเร่งด่วน 1,000 คน ใช้งบประมาณกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 350 ล้านบาท โดยจะจัดตั้งศูนย์ความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาบุคลากรตามมติที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกับญี่ปุ่น โดยไทยได้รับเลือกให้เป็นที่ตั้งศูนย์ และได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น ระยะ 5 ปี รวม 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีเป้าหมาย พัฒนาบุคลากรในอาเซียน 800 คน

สำหรับเรื่องที่ 4 ที่ประชุมได้เห็นชอบการจัดตั้งไซเบอร์ซีเคียวริตี เอเยนซี (ซีเอสเอ) ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานประสานงานกลางและหน่วยงานเผชิญเหตุด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ชั่วคราว เพื่อให้เกิดความมั่นคงในระดับชาติและได้มาตรฐานสากล ซึ่งในปี 2560 ดัชนีความพร้อมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของไทย ซึ่งจัดโดยสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) อยู่ที่อันดับ 22 จาก 194 ประเทศ ตั้งเป้าจะให้ไทยติดอันดับ 20 แรกของประเทศที่มีความพร้อม