posttoday

แอกเซสซอรี่ไอทีสัญชาติเเสเตรเลียบุกตลาดไทย

23 เมษายน 2561

เอสทีเอ็ม ธุรกิจแอกเซสซอรี่ไอทีสัญชาติออสเตรเลียบุกไทย ลุยกระเป๋าใส่อุปกรณ์ เคสสมาร์ทโฟน หวังดันรายได้โต 30%

เอสทีเอ็ม ธุรกิจแอกเซสซอรี่ไอทีสัญชาติออสเตรเลียบุกไทย ลุยกระเป๋าใส่อุปกรณ์ เคสสมาร์ทโฟน หวังดันรายได้โต 30%

นายอีธาน ไนโฮล์ม ผู้ก่อตั้ง เอสทีเอ็ม กูดส์ ออสเตรเลีย ภายใต้แบรนด์เอสทีเอ็ม และอีลีเมนท์ เคส เปิดเผยว่า แผนธุรกิจทำตลาดในปีนี้ บริษัทจะนำสินค้าแอกเซสซอรี่ไอที กระเป๋าใส่โน้ตบุ๊กและเคสสมาร์ทโฟนเข้ามาทำตลาดเชิงรุกในเซ็กเมนต์พรีเมียมมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันตลาดดังกล่าวมีสัดส่วนเพียง 15-20% ของตลาดรวม ส่วนอีก 80-85% เป็นสินค้านำเข้าจากจีน เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่มีดีไวซ์พกพาในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน หรือโน้ตบุ๊ก

สำหรับกลยุทธ์ทำตลาดในปีนี้บริษัทจะเปิดตัวเทคโนโลยี อ็อกเมนเต็ด เรียลิตี้ หรือเออาร์ โดยการสแกนไปยังตราสินค้าบนผลิตภัณฑ์เพื่อดูผลิตภัณฑ์ทุกมุมได้เหมือนจริง นอกจากนี้ ยังสามารถถ่ายดูการสะพายสีกระเป๋าที่เหมาะกับตัวเองได้ ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนจะนำระบบดังกล่าวมาทำตลาดในช่องทางร้านค้าปลีก เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าเร็วขึ้น หลังจาก
พบว่าคนไทยให้ความสนใจซื้อสินค้าผ่าน ช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังจะนำเทคโนโลยีเออาร์มาใช้ภายในเว็บไซต์ ซึ่งปัจจุบันสินค้ากลุ่มกระเป๋ามีด้วยกัน 4 กลุ่ม คือ สตอรี่ คอลเลกชั่น สำหรับกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป สตรีท คอลเลกชั่น สำหรับนักเดินทาง และเวโลซิตี้ คอลเลกชั่น สำหรับนักธุรกิจ รวมทั้ง เกรซ คอลเลกชั่น สำหรับกลุ่มผู้หญิง นอกจากนี้ยังจำหน่ายเคสสมาร์ทโฟนแบรนด์อีลีเมนท์ และเคสสำหรับไอแพด เจาะกลุ่มทำงานและนักศึกษาที่ต้องพกอุปกรณ์ตลอดเวลา

นายไนโฮล์ม กล่าวว่า ช่องทางจำหน่ายจับมือร่วมกับพันธมิตรในกลุ่มร้านค้าปลีกสินค้าไอทีที่มีสาขาจำนวนมาก ขณะนี้สินค้าของบริษัทจำหน่าย 250 แห่ง แบ่งเป็นไอดูสตูดิโอ 200 แห่ง ที่เหลือเป็นบานาน่า ไอที เป็นต้น ส่วนในช่องออนไลน์วางจำหน่ายช็อปอินช็อปผ่านลาซาด้า สำหรับปีนี้บริษัทมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์และการรับรู้คุณสมบัติที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่อยู่ในตลาดพรีเมียม ผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด โดยสิ้นปีคาดว่าจะมีรายได้เติบโต 30%

“เอสทีเอ็ม กูดส์ เป็นแบรนด์จากออสเตรเลีย มีสินค้าวางจำหน่ายทั้งอเมริกาเหนือ อังกฤษ และเอเชียแปซิฟิก นิวซีแลนด์ ซึ่งเอเชียถือเป็นตลาดที่เติบโตเร็ว เช่นเดียวกับตลาดไทย แม้ว่าเริ่มทำตลาดได้เพียง 2 ปี” นายไนโฮล์ม กล่าว