posttoday

ศึกสมาร์ทโฟนร้อนระอุ รายเล็กแห่ชิงตลาด

05 ตุลาคม 2560

ต้องยอมรับว่าประเทศที่เร่งนำเสนอนวัตกรรมกลุ่มสมาร์ทโฟน ไม่ใช่ประเทศฝั่งยุโรปอีกต่อไป

โดย...ณัฏฐ์ยาน์ สุทธิเจริญ

ตามปกติช่วงปลายปีถือว่าเป็นการแข่งขันของกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ที่แตะหลักหมื่น แต่มาปีนี้แม้ว่าไอโฟน หรือซัมซุงจะเปิดตัวราคาไม่ต่ำกว่า 2.5 หมื่นบาท แม้ว่าจะมีฐานแฟนคลับที่มีกำลังซื้อ แต่ก็ยังมีอีกมากที่ต้องมองหาราคารองลงมา นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมค่ายมือถือรายใหม่จากจีนจึงกล้าเข้ามาเจาะตลาด

ประเดิมด้วย จีโอนี น้องใหม่จากจีนที่เข้ามาเปิดตัวพรีเซนเตอร์ แต้ว-ณฐพร ก่อนจัดงานเปิดตัวแบรนด์ภายในงานไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป ครั้งล่าสุด เพราะไม่อยากตกขบวน และหวังว่าลูกค้าจะยอมรับแม้ยังไม่รู้จักกันก็ตาม

หยู ป่าวชิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จีโอนี ไทยแลนด์ เผยว่า แบรนด์จีโอนีถือว่าเป็นแบรนด์อันดับ 4 ในประเทศจีนรองจากหัวเว่ย ออปโป้ และวีโว่ แม้ว่าจีโอนีจะมีสีส้มเหมือนกับเสี่ยวมี่ แต่เสี่ยวมี่เน้นการขายออนไลน์เป็นหลัก ทำให้ลูกค้านึกถึงจีโอนีมากกว่า และไม่นับว่าเป็นคู่แข่งในตลาดสมาร์ทโฟน

ด้านความตั้งใจในการทำตลาดไทยนั้น ได้ใช้เวลา 6 เดือนในการลงทุนด้านทีมงาน ขยายช่องทางจำหน่าย ทำการตลาดและประชาสัมพันธ์โดยใช้งบไปแล้วกว่า 60 ล้านบาท คาดถึงสิ้นปีนี้ใช้งบไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท ในการวางรากฐานธุรกิจในประเทศไทย

"แม้ว่าไทยจะเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคนี้ในการขยายธุรกิจออกมานอกประเทศ แต่ก็มองว่าไทยน่าจะเป็นตัวกลางในการจัดส่งสินค้าให้กับประเทศข้างเคียงด้วย" หยู กล่าว

นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายได้ส่วนแบ่งตลาด 2% ในสิ้นปี 2560 นี้ หลังจากเริ่มวางจำหน่ายในช่องทางต่างๆ ตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา และพบว่ามีผลตอบรับที่ดี โดยระดับราคาสินค้ามีตั้งแต่ 4,900-11,990 บาท และไม่หวั่นเจ้าตลาดรายเดิม เพราะไทยยังมีโอกาสอีกมาก ทั้งการใช้งานเครือข่ายที่รวดเร็วขึ้น ทั้งกลุ่มนิสิตนักศึกษาและคนทำงาน

ทั้งนี้ ช่วงเดือน พ.ย. เตรียมเปิดรุ่นเรือธงใหม่ที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่รักการถ่ายภาพด้วยกล้อง 4 เลนส์ ส่วนราคาขายวางไว้ไม่เกิน 1.2 หมื่นบาท ส่วนรุ่นทั้งหมดที่วางขายในปัจจุบันคาดว่าจนถึงสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ จะขายได้รวมกัน 2 แสนเครื่อง

ทางด้าน กันตวีร์ แสงสาย ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท นูเบีย ประเทศไทย กล่าวว่า นูเบียเข้ามาไทยได้ประมาณ 1 ปีแล้ว ภาพรวมถือว่าเป็นไปได้ดี แม้ว่าตอนนี้มีส่วนแบ่งตลาดยังไม่เยอะ แต่คู่แข่งในตลาดที่มีจำนวนมากก็ไม่ได้ทำให้กังวล เพราะไม่ได้คาดหวังในตลาดแมส เพราะตั้งแต่ทำธุรกิจมาเน้นตลาดเฉพาะกลุ่มมาตลอด ซึ่งผลตอบรับก็ทำให้หายเหนื่อย

แม้ว่าช่วงกลางปีตลาดจะซบเซา แต่บริษัทก็ทำยอดขายได้ตามเป้า และคาดว่าในอีก 3 เดือนที่เหลือนี้น่าจะไปต่อได้ ซึ่งบริษัทยังสานต่อกิจกรรมออนไลน์แต่จะให้อยู่ในระเบียบที่ภาครัฐขอความร่วมมือ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ขณะนี้มีจำนวนมากกว่า 10 รุ่นแล้ว คาดว่าสิ้นปีจะมียอดขายแตะ 100 ล้านบาทแน่นอน

ขณะที่แบรนด์ไอมี่ สมาร์ทโฟนจากฮ่องกง ก็กลับมาทำตลาดในไทยอีกครั้ง แต่แม้ว่าจะมีจำหน่ายในตลาดต่อเนื่อง ก็ไม่สามารถสู้รายอื่นๆ ที่ทำตลาดกันอย่างดุดัน ซึ่งครั้งนี้ส่งรุ่นจอไร้ขอบออกมาพร้อมกัน 3 รุ่น คือ iMI X, Wisdom Limited x และ Vin 3 X Edition เพื่อหวังจับกระแสตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลางของไทยที่มองว่ายังมีโอกาสอีกมากเช่นกัน

ด้านออปโป้ก็ส่ง Oppo R9 เข้ามาทำตลาด โดยเพิ่มฟีเจอร์ถ่ายภาพให้ดียิ่งขึ้น เน้นการถ่ายรูปแบบกรุ๊ปฟี่หวังเอาใจคนชอบเซลฟี่ กล้องหน้ากว้าง 120 องศา แต่ครั้งนี้เปลี่ยนชื่อรุ่นใหม่เป็น R9s Pro พร้อมกับพรีเซนเตอร์ ต่อ-ธนภพ หลังจากที่รุ่นก่อนหน้านี้ R9s Black Edition ก็มีโมเดลสีดำ ส่วนรูปลักษณ์ก็แทบไม่ต่างจากเดิม ด้านราคาขายยังคงเป็น 1.39 หมื่นบาทเช่นเดิม มี 2 สี คือ ทองและดำมาให้เลือกใช้งาน

โดโนวาน ซง ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด เสี่ยวมี่ โกลบอล กล่าวว่า ก่อนหน้านี้จะเห็นเสี่ยวมี่ผ่านตัวแทนจำหน่าย ครั้งนี้บริษัทมองว่าไทยเป็นตลาดที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีการเติบโตที่ดี จึงต้องการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ของสินค้าเพื่อให้คนไทยได้สัมผัส

"แม้ว่าเสี่ยวมี่จะขายทั่วโลกได้กว่า 100 ล้านเครื่องแล้ว แต่ก็ยังหวังจะเป็นแบรนด์ที่ติดอันดัปท็อป 5 ของโลก โดยไตรมาส 2 ของปีนี้ ทำยอดขายกว่า 23.61 ล้านเครื่อง ในอนาคตก็หวังว่าไทยจะเป็นส่วนหนึ่งในยอดขายนี้" ซง กล่าว

อย่างไรก็ตาม การที่เข้ามาทำตลาดช่วงปลายปี บริษัทไม่ได้มองว่าช้า แต่เป็นการมองหาจังหวะที่เหมาะสม และสินค้าที่นำมาวางขายก็คิดว่าเหมาะสมกับตลาดประเทศไทย ซึ่งในอนาคตลูกค้าจะเชื่อมโยงการใช้งานอุปกรณ์ทุกอย่างของเสี่ยวมี่ผ่านแอพพลิเคชั่นและบริการที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ

ฝั่งเจ้าตลาดอย่างซัมซุง นำทีมโดย วิชัย พรพระตั้ง รองประธานองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ก็ยืนยันว่าไม่กังวลที่มีรายใหม่เข้ามาทำตลาดในขณะนี้ เพราะยิ่งมีรายใหม่เข้ามายิ่งช่วยกระตุ้นให้คึกคักและเป็นเรื่องดีสำหรับผู้บริโภค

"ผมมองว่าการแข่งขันเป็นเรื่องปกติ มีการแข่งขันเข้ามาทุกเดือน ซึ่งเรายังโตมากกว่าตลาด" วิชัย กล่าว

สิ่งที่ซัมซุงมอง ไม่ใช่รุ่นไหนขายได้เท่าไหร่ แต่มองเรื่องนวัตกรรมที่จะออกมาสู้กันมากกว่า เพราะทุกแบรนด์มีเหมือนกันคือกล้องที่ถ่ายรูปได้ดี ซึ่งซัมซุงก็ทำได้ดีมีครบทุกความต้องการของลูกค้าจึงมองข้ามเรื่องนี้ไปแล้ว โดยจะเน้นการพัฒนาทั้งนวัตกรรมและบริการที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน

ยกตัวอย่างเช่น กาแล็คซี่ กิฟท์ ที่มีพาร์ตเนอร์รายใหม่เข้ามาเพิ่ม เรื่องของการใช้จ่ายผ่านสมาร์ทโฟนเพื่อให้เป็นสังคมไร้เงินสด ไม่ว่าจะใช้จ่ายผ่านคิวอาร์โค้ดหรือวอลเล็ตอย่างซัมซุงเพย์ เพราะนอกจากธนาคารที่มีแอพพลิเคชั่นที่ใช้จ่ายได้สะดวกแล้ว ความปลอดภัยจากการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนก็ต้องสำคัญเช่นกัน

ในเรื่องของราคาขายในตลาด ต้องยอมรับว่าราคาสมาร์ทโฟนในตลาดปรับเปลี่ยนเร็วมาก ทำให้บริษัทต้องมีทุกระดับราคาเพื่อเสริมฐานความแข็งแรง โดยมีตั้งแต่หลักพันต้นๆ จนถึงหลัก 2-3 หมื่นปลายๆ ซึ่งทุกระดับราคา ส่งผลให้ยอดขายทั้งปีทะลุเป้าไปแล้ว ช่วงไตรมาส 4 ที่งดทำกิจกรรม จึงไม่มีผลกระทบใดๆ และมองปีต่อไปมากกว่า

ต้องยอมรับว่าประเทศที่เร่งนำเสนอนวัตกรรมกลุ่มสมาร์ทโฟน ไม่ใช่ประเทศฝั่งยุโรปอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีหรือจีนก็ล้วนแล้วแต่เป็นประเทศในฝั่งเอเชียทั้งสิ้น ทำให้นวัตกรรมที่จะตอบโจทย์ผู้ใช้งานในภูมิภาคนี้คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป