ชีวิตสุดรันทด"เจ้าสาววัยกระเตาะ"
กะเทาะชีวิตสุดรันทดของเด็กสาวที่ต้องแต่งงานด้วยวัยเพียง5ขวบเพื่อปลดหนี้สินให้ครอบครัว
กะเทาะชีวิตสุดรันทดของเด็กสาวที่ต้องแต่งงานด้วยวัยเพียง5ขวบเพื่อปลดหนี้สินให้ครอบครัว
โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ
เชื่อว่าเพียงแค่ได้ฝันหรือจินตนาการภาพตัวเองสวม “ชุดเจ้าสาว” ฟูฟ่อง สุดอลังการ ในวันสำคัญของชีวิต คงทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ไม่ว่าชาติไหน ภาษาใด อดอมยิ้มไปพร้อมกับหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุขไม่ได้
แต่ทว่า “การแต่งงาน” หรือการได้เป็น “เจ้าสาว” อาจไม่ใช่รสชาติอันแสนหวานของเด็กสาวผู้อาภัพในอีกซีกโลก ที่ใครเลยจะรู้ว่าพวกเธอไม่เพียงต้องถูกผลักไสให้เข้าสู่ประตูวิวาห์กับชายที่ปราศจากความรัก
เพราะเชื่อหรือไม่ว่า เด็กสาวที่โชคชะตาไม่ปรานีนี้ ต้องจำใจเป็นเจ้าสาวตั้งแต่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ 5 ขวบเท่านั้น
เดลีเมล์ แทบลอยด์ชื่อดังของอังกฤษ ตีแผ่เบื้องหลังชีวิตสุดรันทดของเด็กสาวที่ชีวิตไม่อาจเลือกได้ว่า แทนที่พวกเธอจะได้วิ่งเล่น ได้เรียนรู้โลกกลมๆ ที่ไม่ได้มืดไปกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน เด็กสาวเหล่านี้ที่บางรายมีอายุเพียงแค่ 5 ขวบ กลับต้องบอกลาชีวิตโสด เข้าพิธีแต่งงานอย่างลับๆ กับชายแปลกหน้า ที่ในจำนวนนี้ บ้างก็เป็นเด็กชายวัยไล่เลี่ยกัน บ้างก็เป็นชายวัยกลางคน หรือซ้ำร้ายอาจเป็นชายชราคราวพ่อก็มี
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าในแต่ละปีมีเด็กสาวราว 10-12 ล้านคน ในประเทศ
กำลังพัฒนาต้องเผชิญกับโชคชะตาที่โหดร้ายนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
จุดเริ่มต้นเส้นทางรักที่ไม่อาจเลือก
จากการไปเจาะลึก เพื่อผลิตสารคดีเชิงข่าวของนิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับเดือน มิ.ย. ได้เปิดเผยให้เห็นด้านมืดที่ลึกลับของโลกใบนี้ในแดนภารตว่า กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับอินเดีย ที่เด็กผู้หญิงจะถูกจับแต่งงานกับเด็กผู้ชายที่โตกว่าราว 4-5 ปี เช่นเดียวกับเด็กสาวในเยเมน อัฟกานิสถาน เอธิโอเปีย และอีกหลายประเทศ ที่พบว่าอัตราการแต่งงานของเจ้าสาววัยกระเตาะนั้นทะยานสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
แน่นอนว่า เจ้าบ่าวของสาวน้อยไร้เดียงสาเหล่านี้ ไม่ใช่เทพบุตรที่หากไม่รีบมัดไว้ให้อยู่หมัดจะหลุดลอย แต่มีทั้งหนุ่มกระทง พ่อม่ายวัยกลางคน หรือแม้กระทั่งพวกผู้ชายฉวยโอกาส ที่ปล้นความบริสุทธิ์ของผู้หญิงไปก่อน ที่จะรับเหยื่อเป็นศรีภรรยาในภายหลัง
คำถามคือ อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เด็กสาวเหล่านี้ต้องสละความสุขทั้งชีวิตแลกกับการแต่งงาน?
แน่นอนว่า หนึ่งในเหตุผลร้อยแปด เป็นเพราะอำนาจของ “เงิน” และ “ผลประโยชน์” ตัวเดียวเท่านั้น เพราะหลายๆ ครั้งการแต่งงานที่มีขึ้นโดยไม่ สมความเหมาะสมนี้ เป็นไปเพื่อข้อแลกเปลี่ยนทางธุรกิจ หรือบางคนก็เพื่อ ปลดหนี้ปลดสินของครอบครัว
อย่างไรก็ตาม จริงอยู่ที่การบังคับให้หญิงหรือชายแต่งงานทั้งที่อายุของ|บ่าว-สาวยังไม่ถึงเกณฑ์นี้ เป็นเรื่องที่ขัดต่อกฎหมายของหลายชาติ อาทิ อินเดีย ที่กฎหมายบัญญัติว่าหญิงสาวจะแต่งงานได้ก็ต่อเมื่ออายุครบ 18 ปีบริบูรณ์
แต่ชุมชนเหล่านี้มักถือเอาตามหลักความเชื่อเก่าๆ ที่เห็นว่าเป็นวิถีทางเหมาะสมสำหรับเด็กสาวมากกว่า เพราะคงจะเป็นการเสี่ยงไม่น้อย หากจะปล่อยให้เด็กสาวเติบโตเป็นสาวรุ่น และพลาดท่าเสียความบริสุทธิ์ให้กับชายอื่น ทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว
งานนี้ เลยคิดกันไปตามตรรกะที่คิดเอาข้างๆ คูๆ ว่า แต่งมันตั้งแต่เด็กซะเลย จะได้ไม่ต้องมานั่งกุมขมับทีหลัง
วันแห่งความรัก : วันแห่งความลับ
อย่างที่รู้ว่า เป็นงานวิวาห์ที่ฝ่าฝืนจัดขึ้นแบบผิดกฎหมาย ทำให้พิธีกรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างลับสุดยอด โดยงานมงคลมักจะมีขึ้นในช่วงกลางดึก ท่ามกลางการปิดปากเงียบของบรรดาคนในหมู่บ้าน เพราะขืนหากงานวิวาห์นี้ล่วงรู้ไปถึงหูของเจ้าหน้าที่ตำรวจ งานมงคลอาจกลายเป็นงานอัปมงคล เพราะไม่ใครก็ใครต้องถูกจับไปนอนซังเตแน่นอน
ตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนถึงวันแห่งความรัก แต่สุดลับนี้ได้อย่างชัดเจน คือ วันวิวาห์ของเด็กหญิงราชานิ หนูน้อยวัย 5 ขวบ จากรัฐราชสถาน ในแดนภารต ซึ่งเธอถูกผู้เป็นลุงหามจากกระท่อมทั้งที่กำลังหลับฝันหวาน ไปร่วมงานวิวาห์ในฐานะนางเอกของงาน
หนูน้อยวัย 5 ขวบ ซึ่งยังไม่ประสา ปรากฏตัวใต้แสงจันทร์ เคียงข้างว่าที่สามีวัย 10 ขวบ โดยทั้งสองอยู่ต่อหน้าพระฮินดู ซึ่งจะเป็นผู้ทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ต่อหน้ากองไฟให้
อย่างไรก็ดี ตามธรรมเนียมแล้ว เมื่อเสร็จพิธีแล้วเจ้าสาววัยกระเตาะจะอาศัยอยู่ที่บ้านตัวเองต่อไป จนกว่าจะเข้าสู่วัยแตกสาวจึงจะย้ายสำมะโนครัวไปอยู่บ้านสามี
ขณะที่อีกหนึ่งชีวิตแต่งงานแสนเศร้าเป็นเรื่องราวของ อะเยชา เด็กสาวชาวเยเมน วัย 10 ขวบ ที่ต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับเจ้าบ่าวคราวพ่อวัย 50 ปี
พี่สาวของหนูน้อยชีวิตสุดรันทดรายนี้ เล่าว่า น้องสาวของเธอกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นหน้าของผู้ชายที่เธอจะต้องร่วมหอลงโรงด้วย งานนี้แม้แต่ใครที่ใจแข็งราวเหล็กไหลยังใจอ่อน เพราะรายงานระบุว่า มีคนที่ทนเห็นภาพสะเทือนใจนี้ไม่ได้ ตัดสินใจแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่พ่อใจหินของอะเยชาหาได้สำนึก กลับยังบังคับให้หนูน้อยสวมส้นสูงเพื่อให้ดูสูงขึ้นและเอาผ้าคลุมมาปกปิดใบหน้าไว้ เพื่อเข้าพิธีต่อไป
พร้อมกันนี้ ยังเตือนว่า ถ้าเขา (พ่อใจร้าย) ถูกรวบเข้าคุก เขาจะฆ่าอะเยชาเมื่อได้รับอิสรภาพ งานนี้ไม่รู้คุณตำรวจชาชินกับเหตุการณ์ในบ้านเกิดหรืออย่างไรไม่ทราบ เมื่อเจอคำขู่แบบนี้ ก็ถอนตัวออกไปโดยไม่ทำอะไร ขณะที่เจ้าสาวเคราะห์ร้ายก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านของว่าที่สามีในอีก 2 ชั่วโมงต่อมา
“เธอมีโทรศัพท์มือถือติดตัว” ฟาติมา ผู้เป็นพี่สาวของอะเยชากล่าว “ทุกวันเธอจะโทร.มาหาฉันและร้องไห้คร่ำครวญ”
เธอ...หนึ่งในผู้ไม่ยอมแพ้ให้กับโชคชะตา
แน่นอนว่า แม้จะยังเด็ก ประสบการณ์ในชีวิตจะยังไม่จัดจ้าน แต่การจำใจแต่งงานทั้งที่ไม่ได้รัก ก็พอจะสร้างความเจ็บช้ำและขมขื่นพอที่จะทำให้ นูจูด อาลี เด็กสาวชาวเยเมน วัย 10 ขวบ ไม่ยอมแพ้ให้กับโชคชะตา ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน และดิ้นรนทุกวิถีทางให้เรื่องราวอันแสนโหดร้ายของเธอขึ้นสู่กระบวนการพิจารณาของศาล เพื่อขอยื่นหย่าขาดจากสามีวัย 30 ปี ซึ่งพ่อของเธอบังคับให้แต่งงานด้วย โดยเธอระบุว่า ชายผู้นี้ได้ทุบตีเธอ
เรื่องราวของสาวน้อยแสนกล้าหาญผู้นี้ กลายเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกเมื่อ 3 ปีก่อน เรื่องราวของเธอถูกถ่ายทอดเป็นหนังสือยอดฮิตที่มีการแปลกว่า 30 ภาษา โดยหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า “I Am Nujood, Age 10 and Divorced” ปัจจุบันนูจูดในวันฟ้าใส ไม่เพียงกลับไปอยู่กับครอบครัวที่บ้าน แต่เธอยังกลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนอีกด้วย
แต่ทว่า ใช่ว่าเด็กสาวทุกคนจะโชคดีเช่นเดียวกับนูจูด ที่หนีเงื้อมมือมัจจุราชมาได้สำเร็จ เพราะในจำนวนเด็กสาวที่ได้ชื่อว่าเป็น “ภรรยา” แล้ว มีเพียงส่วนน้อยที่มีโอกาสจะได้รับการศึกษาต่อไป เพราะในจำนวนนี้ส่วนใหญ่มักตกเป็นเหยื่อของการถูกข่มขืนและมีอายุขัยสั้น เนื่องจากร่างกายที่ยังโตไม่เต็มวัยของพวกเธอ ไม่พร้อมสำหรับการให้กำเนิดชีวิตน้อยๆ อีกหนึ่งชีวิต
ยิ่งกว่านั้น อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พวกเธอไม่กล้าคิดจะหนีออกจากอ้อมอกของสามีที่ไม่ได้เลือกเอง เพราะเด็กเหล่านี้มักต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกทำร้ายทางร่างกาย หรือบางรายถึงขนาดถูกขู่ว่า จะฆ่าให้ตาย ถ้าคิดจะหนี


