posttoday

นิวเคลียร์ญี่ปุ่นพุ่งระดับสูงสุด วิกฤติหนักเทียบชั้นเชอร์โนบิล

13 เมษายน 2554

ญี่ปุ่นยกระดับวิกฤตนิวเคลียร์เทียบเท่าวิกฤตนิวเคลียร์เมื่อ 25 ปีก่อน หลังเหตุโรงไฟฟ้าส่อแววยืดเยื้อ ส่งผลกระทบเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นร่วงระนาว

ญี่ปุ่นยกระดับวิกฤตนิวเคลียร์เทียบเท่าวิกฤตนิวเคลียร์เมื่อ 25 ปีก่อน หลังเหตุโรงไฟฟ้าส่อแววยืดเยื้อ ส่งผลกระทบเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นร่วงระนาว

รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจยกระดับความรุนแรงของกัมมันตรังสีที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมา ไดอิชิ เป็นระดับสูงสุดตามระดับที่มาตรฐานสากลกำหนดจาก เดิมที่ระดับ 5 มาอยู่ที่ระดับ 7 เทียบเท่ากับเหตุการณ์โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลในยูเครน โดย ฮิเอฮิโกะ นิชิยามา โฆษกหน่วยงานด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ระบุว่า โรงไฟฟ้าได้ปล่อยกัมมันตรังสีสู่สภาพแวดล้อมอย่างมหาศาล จนอาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างแสนสาหัส ส่งผลให้จำต้องเลื่อนระดับการเตือนภัย

นิวเคลียร์ญี่ปุ่นพุ่งระดับสูงสุด วิกฤติหนักเทียบชั้นเชอร์โนบิล

อย่างไรก็ตาม นิชิยามา ย้ำว่า สถานการณ์ที่ฟูกุชิมาแตกต่างจากเชอร์โนบิลอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากไม่มีการระเบิดของเตาปฏิกรณ์ ขณะที่ปริมาณกัมมันตรังสีที่รั่วไหลเท่ากับ 10% ของเชอร์โนบิล

ด้าน นาโอโตะ คัง นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้แถลงข่าวถ่ายทอดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ ยืนยันว่า สถานการณ์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมา ไดอิชิ ค่อยๆ ปรับตัวเข้าสู่สภาวะปกติอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งปริมาณการรั่วไหลของกัมมันตรังสีก็ลดลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน

พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีคังยังได้ขอความร่วมมือจากพรรคฝ่ายค้านในการช่วยรัฐบาลวางแผนฟื้นฟูประเทศจากเหตุการณ์เลวร้ายที่ญี่ปุ่นจำต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้ โดยมีชาวญี่ปุ่นกว่า 1.5 แสนคน ยังคงไร้ที่อยู่อาศัย

ทั้งนี้ การประกาศยกระดับความรุนแรงของปัญหาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในครั้งนี้ของทางการญี่ปุ่น ส่งผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเหรียญสหรัฐ โดยอยู่ที่ 83.50 เยนต่อเหรียญสหรัฐ อีกทั้งยังแข็งค่าถึง 120.24 เยนต่อสกุลเงินยูโร ขณะที่ดัชนีนิกเกอิร่วงมากกว่า 164.44 จุด ไปอยู่ที่ 9,555.26 จุด

ยิ่งไปกว่านั้น สกุลเงินเยนยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่สำนักข่าวเกียวโด รายงานโดยอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่บริษัท โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ (เทปโค) ว่า ปริมาณการรั่วไหลของกัมมันตรังสีอาจมากมายมหาศาลกว่าเหตุการณ์ที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลในปี 2529

ขณะเดียวกันจากการที่บรรดานักลงทุนทั้งภายในและภายนอกประเทศต่างกลัวเกรงต่อเหตุแผ่นดินไหวหรืออาฟเตอร์ช็อกที่ตามมาอีกหลายระลอก ส่งผลให้บรรยากาศในการซื้อขายลงทุนยังคงเงียบเหงา ไม่คึกคักเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจส่งผลต่อการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่นภายในระยะเวลาอันสั้น

ทั้งนี้ ตามรายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่นล่าสุด ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วทั้งสิ้น 13,219 คน และยังคงสูญหายอีกกว่า 1.4 หมื่นคน โดยหลังจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 11 มี.ค. ประเทศญี่ปุ่นต้องเผชิญกับอาฟเตอร์ช็อกรุนแรงถึงกว่า 5 ริกเตอร์ มากกว่า 400 ครั้ง โดยล่าสุดเกิดเหตุแผ่นดินไหวอีก 2 ระลอกเมื่อวันอังคารที่ 12 เม.ย. วัดความรุนแรงได้ถึง 6.3 ริกเตอร์ โดยมีศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมา ไดอิชิ เพียง 11 กิโลเมตร ซึ่งทางเทปโคยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายใดๆ และได้อพยพย้ายเจ้าหน้าที่ไปอยู่ในจุดปลอดภัยแล้ว

นิวเคลียร์ญี่ปุ่นพุ่งระดับสูงสุด วิกฤติหนักเทียบชั้นเชอร์โนบิล

นอกจากนี้ หลังจากการเฝ้าติดตามสถานการณ์ของญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา บรรดานักวิเคราะห์ต่างเริ่มปรับท่าที โดยมองว่าวิกฤตการณ์ในครั้งนี้จะมีผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของแดนซามูไรเกินกว่าที่ประเมินกันไว้ก่อนหน้า สอดคล้องกับที่ทาง มาซาอากิ ชิราคาวา ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติญี่ปุ่น (บีโอเจ) ซึ่งได้ยอมรับว่า สภาพเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้อยู่ในระดับขั้นรุนแรงยากจะเยียวยา

ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มไม่มั่นใจในนโยบายฟื้นฟูของรัฐ ว่าจะกระตุ้นให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นพลิกกลับมาโตขึ้นมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าสภาไดเอ็ตจะมีมติเห็นชอบทุ่มเงินพิเศษกว่า 4 แสนล้านเยน (1.44 แสนล้านบาท) เพื่อกำจัดซากปรักหักพัง สร้างที่อยู่อาศัยชั่วคราว โรงเรียน และสาธารณูปโภคพื้นฐาน พร้อมเตรียมจัดสรรเงินอีก 1 แสนล้านเยน สำหรับช่วยเหลือคนตกงาน แต่จากภาระหนี้ก้อนโตที่รัฐบาลต้องแบกรับอยู่ส่งผลให้การฟื้นฟูที่หวังไว้เป็นไปได้ยาก

นอกจากนี้ ในมุมมองของ โคอารุ โยซาโนะ รัฐมนตรีเศรษฐกิจ เห็นว่า เศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้อยู่ในภาวะซบเซาเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากหลังเหตุวิกฤตประชาชนส่วนใหญ่ย่อมจำกัดการใช้จ่ายทำให้ยอดขายลดลง ขณะที่โรงงานก็ไม่สามารถผลิตได้เต็มที่เนื่องจากขาดแคลนพลังงาน

ทั้งนี้ โยชิฮิโกะ โนดะ รัฐมนตรีการคลังของญี่ปุ่น มีกำหนดเข้าประชุมกับกลุ่มประเทศ จี20 ที่วอชิงตัน สหรัฐ ในวันที่ 15 เม.ย.นี้ เพื่อชี้แจงถึงแผนฟื้นฟูของรัฐบาลและเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับคืนมา

 

ข่าวล่าสุด

ก.ล.ต. แต่งตั้ง “ทรงยศ บรรจงมณี” นั่งผู้ช่วยเลขาธิการ มีผล 1 ม.ค.69