ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก รับคาดการณ์เฟดเตรียมลดดอกเบี้ยสัปดาห์หน้า

ความล่าช้าของข้อมูลเศรษฐกิจซึ่งเกิดจากภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ นานถึง 43 วันก่อนหน้านี้ ทำให้นักลงทุนประเมินทิศทางนโยบายการเงินได้ยาก แต่ปัจจุบันหน่วยงานต่าง ๆ เริ่มทยอยเผยแพร่ข้อมูลค้างสะสม พร้อมทั้งมีข้อมูลจากภาคเอกชนเข้ามาประกอบการประเมินเพิ่มขึ้น

 

สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 52.6 เทียบกับ 52.4 ในเดือนตุลาคม ขณะที่ดัชนีราคาที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายลดลงเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวมีขึ้นก่อนการเผยรายงานค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ จะประกาศในวันศุกร์

 

ขณะเดียวกัน รายงานการจ้างงานภาคเอกชนของเอดีพี (ADP) ระบุว่า การจ้างงานภาคเอกชนเดือนพฤศจิกายนหดตัวแบบไม่คาดคิด โดยรายงานการจ้างงานภาครัฐสำหรับเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนจะประกาศหลังการประชุมนโยบายของเฟด ทำให้ตลาดให้ความสำคัญกับข้อมูลจากภาคเอกชนมากเป็นพิเศษในรอบนี้

 

ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 408.44 จุด หรือ 0.86% สู่ระดับ 47,882.90 จุด 

 

ขณะที่เอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 20.35 จุด หรือ 0.30% แตะ 6,849.72 จุด 

 

ส่วนแนสแด็กขยับขึ้น 40.42 จุด หรือ 0.17% ปิดที่ 23,454.09 จุด

 

ในตลาดพลังงาน ราคาน้ำมันปิดบวก หลังสหรัฐฯ และรัสเซียไม่สามารถบรรลุข้อตกลงยุติสงครามในยูเครน ซึ่งอาจนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรภาคพลังงานของรัสเซียได้ อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาดยังคงกดดันการปรับขึ้นของราคา 

 

น้ำมันดิบเบรนต์เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 62.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

 

ขณะที่เวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 58.95 ดอลลาร์ 

 

ด้านราคาทองคำทรงตัวในวันพุธ โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนที่อ่อนแอ ซึ่งยิ่งเสริมความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดสัปดาห์หน้า 

 

ทองสปอตเคลื่อนไหวที่ 4,202.06 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากขึ้นไปสูงสุดระหว่างวันที่ 4,241.29 ดอลลาร์ 

 

ส่วนสัญญาทองคำล่วงหน้าเดือนกุมภาพันธ์ปิดเพิ่มขึ้น 0.3% ที่ 4,232.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์