posttoday

หุ้น AI ยังกดดันตลาดหุ้นสหรัฐ แต่ดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮต่อ

13 พฤศจิกายน 2568

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดผสม ดาวโจนส์ปิดทำสถิติสูงสุดใหม่ ขณะหุ้นเทคโนโลยีกดดันแนสแด็กอ่อนตัว นักลงทุนรอฟังข่าวดีเรื่องยุติชัตดาวน์

KEY

POINTS

  • ดัชนีดาวโจนส์ปิดทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินและสุขภาพ
  • หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและ AI ปรับตัวลดลงอย่างหนัก สร้างแรงกดดันต่อตลาดโดยรวม หลังนักลงทุนกังวลว่ากระแสการลงทุนใน AI อาจถึงจุดสูงสุดแล้ว
  • ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ แสดงทิศทางที่แตกต่างกัน โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นสวนทางกับดัชนี Nasdaq ที่ปรับตัวลง

นักลงทุนให้ความสนใจกับแนวโน้มการยุติภาวะ “ชัตดาวน์” ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ดำเนินมาอย่างยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์

 

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เตรียมลงมติผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อเปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลับมาดำเนินงานอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูโครงการสนับสนุนด้านอาหาร การจ่ายค่าจ้างให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลหลายแสนคน รวมถึงระบบควบคุมการจราจรทางอากาศที่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายดังกล่าวยังต้องรอการลงนามจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อให้มีผลบังคับใช้

 

หุ้น Goldman Sachs และ UnitedHealth Group ปรับขึ้นราว 3.5% ส่งผลให้ดาวโจนส์ปิดทำสถิติสูงสุดเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยดัชนีปรับเพิ่มขึ้นราว 13% ตั้งแต่ต้นปี 2025 

 

ในทางกลับกัน หุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่หลายบริษัทปรับตัวลดลง โดย Tesla ร่วง 2.1%, Palantir ลดลง 3.6% และ Oracleร่วง 3.9% หลังจากการขายหุ้น Nvidia มูลค่า 5.8 พันล้านดอลลาร์ของกลุ่ม SoftBankเมื่อวันอังคาร ทำให้นักลงทุนกังวลว่ากระแสการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อาจถึงจุดสูงสุดแล้ว ทั้งนี้ รายงานผลประกอบการของ Nvidia ที่จะเปิดเผยในวันพุธหน้า ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทดสอบความเชื่อมั่นของนักลงทุนในกลุ่ม AI

 

ดัชนี Dow Jones Industrial Average ปิดเพิ่มขึ้น 344.16 จุด หรือ 0.72% ที่ระดับ 48,272.12 จุด


ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.22 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 6,845.39 จุด


ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 105.13 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 23,363.18 จุด

 

ด้านราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมากกว่า 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากรายงานของ โอเปก (OPEC) ระบุว่าอุปทานน้ำมันโลกจะเท่ากับความต้องการในปี 2026 ซึ่งต่างจากประมาณการก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะขาดแคลน


น้ำมันดิบ เบรนต์ (Brent) ส่งมอบเดือนล่าสุดลดลง 2.45 ดอลลาร์ หรือ 3.76% ปิดที่ 62.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

 

ส่วน เวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต (WTI) ลดลง 2.55 ดอลลาร์ หรือ 4.18% ปิดที่ 58.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับลดลง ก่อนการลงมติเปิดรัฐบาล ซึ่งอาจช่วยฟื้นฟูการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจและเพิ่มความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในเดือนธันวาคม


ทองสปอตเพิ่มขึ้น 2% สู่ระดับ 4,208.98 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 

 

ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้าส่งมอบเดือนธันวาคมปิดเพิ่มขึ้น 2.4% ที่ 4,213.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์.

 

ข่าวล่าสุด

"อรรถพล" สั่งประสานเดินเครื่องโรงไฟฟ้าขยะแก้ปัญหาขยะล้นเมือง