ฟิลิปปินส์อ่วม พายุฟงวอง มีแนวโน้มทวีกำลังเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่น
ฟิลิปปินส์เตือนภัยคลื่นพายุซัดฝั่งรุนแรง หลังพายุไต้ฝุ่น “ฟงวอง” จ่อทวีกำลังเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่น หลังพายุ คัลแมกี เพิ่งถล่มพื้นที่จนเสียชีวิตถึง 204 ราย
KEY
POINTS
- พายุไต้ฝุ่น "ฟงวอง" กำลังเคลื่อนตัวเข้าชายฝั่งตะวันออกของฟิลิปปินส์ และคาดว่าจะทวีกำลังรุนแรงขึ้นเป็น "ซูเปอร์ไต้ฝุ่น"
- สำนักอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์ (PAGASA) ออกประกาศเตือนภัยคลื่นพายุซัดฝั่งที่อาจสูงถึง 5 เมตร ลมกระโชกแรง และฝนตกหนักซึ่งเสี่ยงต่อน้ำท่วมและดินถล่ม
- ทางการได้สั่งอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ประกาศปิดสถานศึกษา และยกเลิกเที่ยวบินบางส่วนเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์
สำนักอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์ (PAGASA) ออกประกาศเตือนประชาชนให้ระวังคลื่นพายุซัดฝั่งที่อาจสูงถึง 5 เมตร และลมกระโชกรุนแรงถึงขั้นเป็นอันตราย ขณะที่พายุไต้ฝุ่น “ฟงวอง” (Fung-wong) กำลังเคลื่อนตัวเข้าประชิดชายฝั่งตะวันออกของประเทศ และคาดว่าจะทวีกำลังเป็น “ซูเปอร์ไต้ฝุ่น” ก่อนขึ้นฝั่งในคืนวันอาทิตย์นี้
นายเบนิสัน เอสตาเรฆา (Benison Estareja) นักอุตุนิยมวิทยา PAGASA ระบุว่า พายุฟงวอง ซึ่งมีชื่อท้องถิ่นว่า “อูวัน” (Uwan) มีขนาดวงกว้างราว 1,500 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ และมีกำลังลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางพายุอยู่ที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมลมกระโชกสูงสุดถึง 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นถึง 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อบ้านเรือน ต้นไม้ และสิ่งปลูกสร้าง
พื้นที่ภาคตะวันออกของฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะภูมิภาคบีโกล (Bicol) และเกาะซามาร์ (Samar) อาจมีปริมาณน้ำฝนสะสมสูงสุดถึง 200 มิลลิเมตร ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่ออุทกภัยและดินถล่ม ส่วนภาคเหนือและภาคกลางของเกาะลูซอนอาจได้รับฝน 100–200 มิลลิเมตรในช่วงที่พายุเคลื่อนผ่าน
PAGASA ได้เรียกร้องให้ประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำและชายฝั่งทะเลอพยพขึ้นสู่ที่สูง และงดกิจกรรมทางทะเลทุกประเภท พร้อมเตือนถึงความเป็นไปได้ของคลื่นพายุซัดฝั่งที่อาจท่วมชุมชนชายฝั่ง รวมถึงลมพายุที่มีความรุนแรงสูง
รัฐบาลท้องถิ่นหลายแห่งได้ประกาศปิดสถานศึกษาในวันจันทร์ และสายการบินแห่งชาติของฟิลิปปินส์ประกาศยกเลิกเที่ยวบินบางส่วน เพื่อเตรียมรับมือกับพายุฟงวองที่จะขึ้นฝั่งในไม่ช้า
คำเตือนนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากพายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” (Kalmaegi) พัดถล่มภูมิภาคเดียวกัน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ทำให้มีผู้เสียชีวิตในฟิลิปปินส์ 204 ราย และในเวียดนามอีก 5 ราย ประชาชนหลายแสนคนต้องอพยพ และเกิดเหตุไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง
หน่วยงานด้านภัยพิบัติของเวียดนามรายงานว่า มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายเกือบ 2,800 หลัง และประชาชนกว่า 500,000 คนยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะที่ในฟิลิปปินส์ น้ำท่วมรุนแรงได้ทำลายบ้านเรือนและทำให้ถนนเต็มไปด้วยซากสิ่งปรักหักพัง
ทั้งนี้ เวียดนามและฟิลิปปินส์ถือเป็นประเทศที่มีความเปราะบางต่อพายุหมุนเขตร้อนและไต้ฝุ่น เนื่องจากตั้งอยู่บนเส้นทางพายุในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งมักเกิดความเสียหายและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในช่วงฤดูพายุแต่ละปี ขณะเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าพายุลักษณะนี้มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อันเป็นผลจากอุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน


