ชัตดาวน์สัญญาณดีขึ้น ตลาดหุ้นสหรัฐมีแรงซื้อก่อนปิดตลาด
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดด้วยทิศทางผสม โดยดัชนี S&P 500 และดาวโจนส์ขยับขึ้นเล็กน้อยในช่วงท้ายการซื้อขาย จากภาวะชัตดาวน์ที่ยืดเยื้อที่สุดในประวัติศาสตร์
KEY
POINTS
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแรงซื้อกลับเข้ามาในช่วงท้ายตลาด หลังมีสัญญาณบวกว่าการเจรจาอาจยุติภาวะชัตดาวน์ได้ในเร็วนี้
- ดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ปิดในแดนบวก สวนทางกับดัชนีแนสแด็กที่ปรับตัวลดลงจากความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นกลุ่ม AI
- ภาวะชัตดาวน์ที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี
ดัชนีหลักทั้งสามของสหรัฐฯ เคลื่อนไหวในแดนลบเกือบตลอดวัน ก่อนที่แรงซื้อจะกลับเข้ามาในช่วงท้ายจากรายงานความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างสภาคองเกรส ซึ่งอาจช่วยยุติภาวะชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ในเร็ว ๆ นี้
เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ดัชนีทั้งสามยังคงปิดลดลง โดยแนสแด็กปรับตัวลงมากที่สุดในรอบหลายเดือน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าที่สูงเกินจริงของหุ้นกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของตลาดในช่วงที่ผ่านมา
ผลกระทบจากภาวะชัตดาวน์ยังสะท้อนให้เห็นในผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนพฤศจิกายนของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี โดยการประเมินสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันของผู้ตอบแบบสอบถามอยู่ในระดับ “มองลบที่สุด” นับตั้งแต่เริ่มทำการสำรวจ ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมลดลงแล้วกว่า 29.9% นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 ซึ่งเป็นช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งสมัยที่สอง
ภาวะชัตดาวน์ยังทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจของทางการหลายตัวถูกระงับการเผยแพร่ ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประสบความยากลำบากในการดำเนินนโยบายเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านการจ้างงานและราคา
ด้านการค้าระหว่างประเทศ จีนเริ่มจัดตั้งระบบใบอนุญาตใหม่สำหรับแร่แรร์เอิร์ธ เพื่อเร่งการส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้ แม้มาตรการดังกล่าวอาจยังไม่ตอบโจทย์ความคาดหวังของสหรัฐฯ ที่ต้องการให้ยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมด
ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 74.80 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 46,987.10 จุด
ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 8.48 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 6,728.80 จุด
ขณะที่แนสแด็กลดลง 49.45 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 23,004.54 จุด
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากร่วงในช่วงกลางวัน จากความหวังว่าฮังการีอาจสามารถใช้น้ำมันดิบจากรัสเซียได้ ภายหลังการพบปะระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และนายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บาน ของฮังการี ที่ทำเนียบขาว
น้ำมันดิบเบรนต์ปิดที่ 63.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.25 ดอลลาร์ หรือ 0.39%
ขณะที่น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ของสหรัฐฯ ปิดที่ 59.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.32 ดอลลาร์ หรือ 0.54%
ในส่วนของราคาทองคำ ปรับตัวขึ้นตามการอ่อนค่าของดอลลาร์และความไม่แน่นอนจากภาวะชัตดาวน์
ทองสปอตเพิ่มขึ้น 0.7% ปิดที่ 4,005.21 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนสัญญาทองคำล่วงหน้าส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 4,009.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์.


