ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วง จากกระแสกังวลฟองสบู่หุ้นเทคโนโลยี
ตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดลดลง หลัง CEO แบงค์ใหญ่เตือน ตลาดหุ้นอาจเข้าสู่ช่วงปรับฐาน จากมูลค่าหุ้นที่สูงเกินจริง โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี
KEY
POINTS
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนลบอย่างหนัก โดยมีสาเหตุหลักจากความกังวลเรื่องภาวะฟองสบู่ในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ AI
- ผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินชั้นนำแสดงความเห็นถึงความเสี่ยงดังกล่าว ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับลดลงในอัตราต่อวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม
- หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเป็นตัวฉุดตลาดที่สำคัญ โดยหุ้น 6 ใน 7 บริษัทของกลุ่ม “Magnificent Seven” และดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง
ดัชนีหลักทั้งสามของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังซีอีโอของมอร์แกน สแตนลีย์ และโกลด์แมน แซคส์ แสดงความเห็นว่าตลาดหุ้นอาจอยู่ในภาวะฟองสบู่ โดยเฉพาะเมื่อดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดใหม่หลายครั้งจากแรงซื้อในหุ้นเทคโนโลยี AI
ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับลดลงในอัตราร้อยละต่อวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม โดยหุ้นเทคโนโลยีเป็นกลุ่มที่กดดันตลาดมากที่สุด หุ้นในกลุ่ม “Magnificent Seven” ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่เกี่ยวข้องกับ AI จำนวนหกในเจ็ดบริษัท ปรับตัวลดลงในวันเดียวกัน ขณะที่ดัชนี Philadelphia SE Semiconductor ลดลง 4.0%
ก่อนหน้านี้ เจมี ไดมอน (Jamie Dimon) ซีอีโอของเจพีมอร์แกน เชส ได้เตือนเมื่อเดือนก่อนว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะเผชิญการปรับฐานอย่างมีนัยสำคัญภายในช่วง 6 เดือนถึง 2 ปีข้างหน้า โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ การหยุดชะงักของรัฐบาลสหรัฐฯ จากความขัดแย้งในสภาคองเกรส ซึ่งใกล้จะทาบสถิติการปิดทำการนานที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่งผลให้การเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจภาครัฐล่าช้า ทำให้นักลงทุนต้องจับตาข้อมูลจากภาคเอกชน เช่น รายงานการจ้างงานของ ADP ที่จะเผยแพร่ในวันพุธนี้
เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดในประเด็นแนวทางนโยบายการเงิน ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลเศรษฐกิจที่ขาดหายไปในช่วงปิดทำการของหน่วยงานรัฐ ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งท้องถิ่นในนครนิวยอร์ก รวมถึงผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์และเวอร์จิเนีย ก็กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุน
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดลดลง 251.44 จุด หรือ 0.53% อยู่ที่ 47,085.24 จุด
ดัชนี S&P 500 ลดลง 80.42 จุด หรือ 1.17% อยู่ที่ 6,771.55 จุด
และดัชนี Nasdaq ลดลง 486.09 จุด หรือ 2.04% อยู่ที่ 23,348.64 จุด
ในตลาดพลังงาน ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากตัวเลขภาคการผลิตที่อ่อนแอและค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า โดยการที่กลุ่ม OPEC+ ประกาศชะลอการเพิ่มกำลังการผลิตในไตรมาสแรกของปีหน้า ถูกมองว่าเป็นสัญญาณของความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด
ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ปิดลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.7% อยู่ที่ 64.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ของสหรัฐฯ ลดลง 49 เซนต์ หรือ 0.8% อยู่ที่ 60.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ด้านราคาทองคำปรับตัวลดลงมากกว่า 1% หลังค่าเงินดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบสามเดือน โดยนักลงทุนรอข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของเฟด
ราคาทองสปอตลดลง 1.5% อยู่ที่ 3,940.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนสัญญาทองคำล่วงหน้าส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 1.3% ปิดที่ 3,960.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์


