สิงคโปร์ใช้ไม้แข็ง! ไฟเขียว "โทษโบย" สถานหนัก ปราบสแกมเมอร์
สิงคโปร์ใช้ไม้แข็ง! ไฟเขียว "โทษโบย" สถานหนัก ปราบสแกมเมอร์-แก๊งต้มตุ๋น หลังยอดเสียหายพุ่งหลายพันล้านดอลลาร์
ตามรายงานจากสำนักข่าว Bloomberg รัฐสภาสิงคโปร์มีมติผ่านร่างกฎหมายใหม่เมื่อวันอังคาร อนุมัติให้ใช้ "โทษโบย" เป็นบทลงโทษสำหรับสแกมเมอร์ผู้กระทำความผิดในคดีฉ้อโกงและต้มตุ๋น
ถือเป็นมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อรับมือกับปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ที่กำลังระบาดอย่างหนัก และสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนเป็นวงกว้าง
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่สิงคโปร์และอีกหลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับสแกมเมอร์ที่ทวีความรุนแรง
ข้อมูลจากตำรวจสิงคโปร์เผยว่า ตั้งแต่ปี 2020 เหยื่อในสิงคโปร์สูญเงินไปกับสแกมเมอร์แล้วรวมกว่า 3.8 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 9.5 หมื่นล้านบาท)
แค่ปีที่แล้วปีเดียว ความเสียหายทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท)
ขณะที่ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มีคดีฉ้อโกงที่เกิดขึ้นจากสแกมเมอร์เกิดขึ้นเกือบ 20,000 คดี สร้างความเสียหายไปแล้ว 456.4 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท)
เปิดรายละเอียด "โทษโบย" สแกมเมอร์
ภายใต้กฎหมายใหม่ของสิงคโปร์ฉบับนี้ บทลงโทษจะมีความหนักเบาแตกต่างกันไป
- ตัวการหลัก/ผู้จัดหา: ผู้ที่เป็นสแกมเมอร์ตัวการหลัก สมาชิกขบวนการ หรือผู้ทำหน้าที่จัดหาคน จะต้องรับ "โทษโบยภาคบังคับ" อย่างน้อย 6 ครั้ง และอาจสูงถึง 24 ครั้ง
- บัญชีม้า/ผู้สมรู้ร่วมคิด: สำหรับผู้ที่ให้การสนับสนุนขบวนการ เช่น การเปิด "บัญชีม้า"จะต้องรับ "โทษโบยตามดุลยพินิจ" ของศาล สูงสุด 12 ครั้ง
ซิม แอน รัฐมนตรีอาวุโสแห่งรัฐ ประจำกระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ กล่าวระหว่างการอภิปรายในสภาว่า
"ปัจจุบัน สแกมเมอร์ถือเป็นอาชญากรรมที่พบได้บ่อยที่สุดในสิงคโปร์ โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 60% ของคดีอาชญากรรมที่ได้รับรายงานทั้งหมด"
สิงคโปร์ยกระดับปราบสแกมเมอร์ทุกมิติ
ที่ผ่านมา สิงคโปร์ใช้โทษโบยกับอาชญากรรมร้ายแรงหลายประเภทอยู่แล้ว เช่น การทำลายทรัพย์สิน การล่วงละเมิดทางเพศ และการปล้น
แต่การขยายมาตรการนี้มาถึงคดีสแกมเมอร์ ถือเป็นการยกระดับการปราบปรามอย่างชัดเจน
นอกจากโทษโบยแล้ว ในฐานะศูนย์กลางการเงินแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐบาลสิงคโปร์ยังได้ออกมาตรการเร่งด่วนหลายด้านเพื่อสกัดกั้นขบวนการสแกมเมอร์
เช่น การจำกัดการเข้าถึงบริการธนาคารและโทรคมนาคมของบุคคลที่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์
ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปี รัฐสภาสิงคโปร์ยังได้ผ่านกฎหมายอีกฉบับ ที่ให้อำนาจตำรวจในการควบคุมบัญชีธนาคารของบุคคลที่ "ต้องสงสัยว่ากำลังตกเป็นเหยื่อ" เพื่อจำกัดธุรกรรมและยับยั้งความเสียหาย
ขณะเดียวกัน ตำรวจและธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ได้ทำงานร่วมกับธนาคารพาณิชย์รายใหญ่มาตั้งแต่ปี 2022
เพื่อยกระดับการตรวจจับธุรกรรมที่น่าสงสัย การติดตามเส้นทางการเงิน และการอายัดบัญชีที่เชื่อมโยงกับปฏิบัติการของสแกมเมอร์ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น


