ตายวันละคน ! เกาหลีใต้เตือนภัยสูงสุด เหตุพลเมืองถูกสแกมเมอร์ทรมานดับ
เกาหลีใต้เตือนพลเมืองให้งดเดินทาง หลังยอดเหยื่อถูกแก๊งสแกมเมอร์กัมพูชาลักพาตัวพุ่ง 330 คดี พบถูกทรมานเสียชีวิตเฉลี่ยวันละราย ซ้ำรอยภัยคุกคามสู่ไทย
เกาหลีใต้ประกาศเตือนภัยขั้นสูง! หลังพลเมืองตกเป็นเหยื่อ "แก๊งสแกมเมอร์" กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง พบเหยื่อถูกทรมานจนเสียชีวิตเฉลี่ยวันละราย
สถานการณ์อาชญากรรมในกัมพูชาที่เกี่ยวข้องกับแก๊งมิจฉาชีพออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะการลักพาตัวและทรมานพลเมืองต่างชาติ ซึ่งรวมถึงชาวเกาหลีใต้ จนนำไปสู่การเสียชีวิต ล่าสุด รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ออกมา ยกระดับการแจ้งเตือนการเดินทาง สำหรับประชาชนเกาหลีที่ต้องการเดินทางไปยังกัมพูชา
วิกฤตพลเมืองเกาหลีใต้ถูกลักพาตัวและเสียชีวิต
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จำนวนกรณีการลักพาตัวชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชาได้พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยจาก 17 คดีในปี 2566 เพิ่มเป็น 220 คดีเมื่อปีที่แล้ว และบันทึกไว้ถึง 330 คดีภายในเดือนสิงหาคมปีนี้
ชนวนสำคัญที่จุดกระแสความตึงเครียดทางการทูตคือกรณีของ นักศึกษาชาวเกาหลีใต้วัย 22 ปี (ถูกระบุชื่อโดยทางการกัมพูชาว่า พัค มิน-โฮ หรือ 'A') ซึ่งถูกล่อลวงไปยังกัมพูชาโดยแก๊งสแกมเมอร์ และถูกรายงานว่าเสียชีวิตจากการทรมานในเดือนสิงหาคม ร่างของนักศึกษาผู้นี้ถูกพบใกล้ภูเขาโบโก ในจังหวัดกำปง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รู้จักกันว่าเป็นแหล่งของกลุ่มอาชญากรรมและการค้ามนุษย์
จากการสืบสวนเบื้องต้นและชันสูตรศพของทางการกัมพูชา พบว่านักศึกษาเสียชีวิตจาก "การทรมานอย่างรุนแรง" และมีรอยฟกช้ำหลายแห่งบนร่างกาย พยานที่ถูกกักขังอยู่กับเหยื่อเล่าว่า นักศึกษาถูกทำร้ายอย่างหนักจนเดินหรือหายใจไม่ได้ ก่อนจะเสียชีวิตในรถระหว่างถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล จนถึงขณะนี้ ร่างของเหยื่อยังคงอยู่ที่กัมพูชานานกว่าสองเดือนแล้ว โดยเกาหลีใต้กำลังพยายามขอทำการชันสูตรร่วม
สภาพสุดสยองในฐานแก๊งมิจฉาชีพ
คำให้การจากเหยื่อและพยานชาวเกาหลีใต้ได้เปิดเผยถึงสภาพภายในฐานแก๊งมิจฉาชีพในกัมพูชา โดยระบุว่า การกระทำที่ไร้กฎหมาย การทำร้ายร่างกาย การทรมาน และการเสียชีวิต เป็นเรื่องปกติ
• มีการเปิดเผยว่า มีเหยื่อเสียชีวิตจากการทรมานและการทำร้ายร่างกาย ในค่ายที่เรียกว่า “เหวินชี” โดยเฉลี่ย อย่างน้อยวันละ 1 ราย ไม่ใช่แค่ชาวเกาหลีใต้เท่านั้นที่ตกเป็นเป้าหมาย แต่ยังมีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และจีน
• เหยื่อเหล่านี้ถูกล่อลวงด้วยคำสัญญาว่าจะได้รับงานที่มีรายได้สูง ก่อนจะถูกกักขังและถูกบังคับให้เข้าร่วมปฏิบัติการฉ้อโกงออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (voice phishing scams)
• หากเหยื่อไม่สามารถทำงานได้หรือไม่มีเงินให้รีดไถ พวกเขาจะถูกขายให้กับกลุ่มอาชญากรอื่นที่ปฏิบัติการในเมืองชายแดน เช่น ปอยเปตและบาเวต ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเมืองที่อันตรายที่สุด
• การทรมาน เช่น การดึงเล็บหรือการตัดนิ้ว มักเกิดขึ้นภายในฐาน นอกจากนี้ เหยื่อบางรายที่ถูกกล่าวหาว่ามีผลงานไม่ดีและมีหนี้สิน จะถูกบังคับให้ขายอวัยวะ โดยจะต้อง ตัดลูกตาออกก่อน เนื่องจากกระจกตาปลูกถ่ายได้ง่ายและมีราคาสูง
เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ประเมินว่ามีเครือข่ายอาชญากรประเภทนี้ประมาณ 400 เครือข่ายในกัมพูชา ซึ่งก่ออาชญากรรมออนไลน์หลายรูปแบบ เช่น โรแมนซ์สแกม, ฟิชชิง, และการหลอกลงทุน
การเชื่อมโยงถึงปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระดับโลก (รวมถึงประเทศไทย)
อาชญากรรมที่เกิดขึ้นในฐานทัพของแก๊งมิจฉาชีพกัมพูชาเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะต่อชาวเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อคนทั่วโลก เนื่องจากกลุ่มเหล่านี้ใช้เทคนิคการหลอกลวงออนไลน์ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์ ซึ่งสามารถเข้าถึงและหลอกลวงประชาชนในประเทศต่างๆ ได้ รวมถึง ประเทศไทย ซึ่งเผชิญปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน สะท้อนให้เห็นว่า อาชญากรรมเหล่านี้เป็นปัญหาข้ามชาติที่ต้องได้รับการแก้ไขร่วมกัน
รัฐบาลเกาหลีใต้ตอบโต้ด้วยการเตือนภัยการเดินทาง
จากจำนวนเหยื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเหตุการณ์นักศึกษาเสียชีวิต ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ลี แจ มยอง ได้เรียกร้องให้ใช้ความพยายามทางการทูต "อย่างเต็มที่" ในการปกป้องพลเมือง ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติได้จัดตั้งทีมเฉพาะกิจฉุกเฉินเพื่อเร่งรัดการส่งตัวพลเมืองกลับประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ได้ ยกระดับการแจ้งเตือนการเดินทาง สำหรับกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา จากเดิมระดับ 2 (งดการเดินทาง) เป็น คำแนะนำการเดินทางพิเศษ (Special Travel Advisory) มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังได้มีการยกระดับคำเตือนสำหรับพื้นที่อื่นๆ เช่น สีหนุวิลล์ และภูเขาโบโก โดยเรียกร้องให้พลเมือง ยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางที่ไม่จำเป็น
ท่ามกลางวิกฤตนี้ ความล่าช้าในการตอบสนองของกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ในช่วงแรกก็ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะกรณีการจัดการศพและการชันสูตรของเหยื่อที่ล่าช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ โช ฮยอน ได้กล่าวขอโทษต่อสาธารณชนสำหรับเหตุการณ์โชคร้ายที่เกิดขึ้นในกัมพูชา
ที่มา : Yonhap


