มาครงเผชิญวิกฤต อนาคตทางการเมืองสั่นคลอน หลังนายกลาออก
เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันทางการเมืองครั้งใหญ่ หลัง เซบาสเตียง เลอกอร์นู นายกคนล่าสุดประกาศลาออก เพียงหนึ่งวันหลังตั้งคณะรัฐมนตรี
KEY
POINTS
- การลาออกของนายกรัฐมนตรีทำให้ประธานาธิบดีมาครงเผชิญวิกฤตทางการเมืองครั้งใหญ่ และต้องหาทางจัดตั้งรัฐบาลผสมเพื่อหลีกเลี่ยงการยุบสภา
- อนาคตทางการเมืองของมาครงสั่นคลอนอย่างหนัก โดยผลสำรวจชี้ว่าประชาชนส่วนใหญ่โทษเขาว่าเป็นต้นเหตุของวิกฤตและมองว่าการลาออกของเขาอาจเป็นทางออก
- วิกฤตการเมืองได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลงและค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง
การลาออกของ เซบาสเตียง เลอกอร์นู ถือเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ห้าของมาครงในรอบเพียงสองปี และทำให้เกิดความกังวลว่ามาครงอาจไม่สามารถอยู่ครบวาระในปี 2027 ตามกำหนดเดิม
มาครงได้มอบหมายให้เลอกอร์นูเจรจากับพรรคฝ่ายค้านภายในสองวัน เพื่อหาทางจัดตั้งรัฐบาลผสมหรือแนวทางร่วมทางการเมือง โดยปฏิเสธทางเลือกอื่น เช่น การยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งอาจเปิดทางให้พรรคขวาจัดขึ้นสู่อำนาจ หรือการลาออกของตนเอง ที่เขายืนยันว่าจะไม่ทำ
สถานะของมาครงในประเทศกำลังสั่นคลอน โดยผลสำรวจความคิดเห็นจากสำนัก Elabe สำหรับช่อง BFMTV พบว่า ประชาชนเกือบครึ่งหนึ่งโทษมาครงว่าเป็นสาเหตุของวิกฤตปัจจุบัน และกว่า 51% เห็นว่าการลาออกของเขาอาจเป็นทางออกของสถานการณ์
วิกฤตครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นจากการตัดสินใจของมาครงในการจัดการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรก่อนกำหนดเมื่อปี 2024 ซึ่งส่งผลให้สภาเกิดภาวะชะงักงันจากการแบ่งขั้วทางการเมืองเป็นสามฝ่ายใหญ่ ได้แก่ ฝ่ายขวา ฝ่ายกลาง และฝ่ายซ้าย ทำให้รัฐบาลต้องบริหารแบบเสียงข้างน้อยตลอดมา
มาครงพยายามรักษามรดกทางเศรษฐกิจของตนไว้ เช่น การลดภาษีและการปฏิรูประบบบำนาญ ขณะเดียวกันก็มุ่งลดการขาดดุลงบประมาณของประเทศ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 113.9 ของจีดีพี สูงกว่ามาตรฐานของสหภาพยุโรปเกือบสองเท่า
แต่การแตกแยกภายในสภา ทำให้รัฐบาลของเขาไม่สามารถผลักดันนโยบายสำคัญได้ ขณะที่บรูโน เรอไตโย ผู้นำฝ่ายอนุรักษ์นิยมระดับสูง ออกมาโจมตีคณะรัฐมนตรีชุดล่าสุดของเลอกอร์นูเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังประกาศรายชื่อ
หลังการลาออกของเลอกอร์นู ผู้นำฝ่ายค้านหลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้มีการจัดเลือกตั้งใหม่โดยทันที โดยนางมารีน เลอแปง ผู้นำพรรคแนวร่วมแห่งชาติ ระบุว่า “เรื่องตลกนี้ควรสิ้นสุดลงได้แล้ว” ส่วนมาดามมาติลด์ ปาโนต์ จากพรรคฝรั่งเศสไม่ยอมจำนน (France Unbowed) กล่าวเสริมว่า “เวลาของมาครงกำลังนับถอยหลัง”
เหตุการณ์ทางการเมืองดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดการเงิน โดยดัชนีตลาดหุ้นฝรั่งเศส CAC 40 ร่วงลงกว่า 1.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดในยุโรปในวันนั้น ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
นักวิเคราะห์ระบุว่า การลาออกอย่างกะทันหันของเลอกอร์นูและความไม่แน่นอนของทิศทางรัฐบาล ส่งผลให้นักลงทุนวิตกต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสในระยะยาว
ผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองหลายรายมองว่า วิกฤตครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายที่รุนแรงที่สุดของระบบการเมืองฝรั่งเศส นับตั้งแต่การจัดตั้งสาธารณรัฐที่ห้าในปี 1958 ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ประธานาธิบดีมีอำนาจบริหารที่เข้มแข็ง
อย่างไรก็ตาม มาครงซึ่งเคยได้รับการยกย่องในปี 2017 ว่าเป็นผู้นำในการปฏิรูประบบการเมือง กลับต้องเผชิญกับรัฐสภาที่แตกแยกและไม่สามารถสร้างเสียงข้างมากได้ในปัจจุบัน


