ทรัมป์จ่อลงนามเปลี่ยนชื่อ กระทรวงกลาโหม สู่ "กระทรวงการสงคราม"
ทรัมป์จ่อลงนามคำสั่งบริหาร เปลี่ยนชื่อ "กระทรวงกลาโหม" เป็น "กระทรวงการสงคราม" หวนกลับไปใช้ชื่อเดิมในรอบเกือบ 80 ปี สะท้อนนโยบายเชิดชูแสนยานุภาพทางทหาร
สำนักข่าว Reuters และ Bloomberg รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดจะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารในวันศุกร์นี้
เพื่อเปลี่ยนชื่อกระทรวงกลาโหม (Department of Defense) เป็น "กระทรวงการสงคราม" (Department of War) ซึ่งเป็นการนำชื่อดั้งเดิมที่ไม่ได้ใช้งานมาตั้งแต่ทศวรรษ 1940 กลับมาใช้อีกครั้ง
ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้สอดคล้องกับความปรารถนาที่ทรัมป์แสดงออกมาหลายครั้งในการฉายภาพความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของกองทัพสหรัฐฯ
แหล่งข่าวระดับสูงในทำเนียบขาวซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม ได้เปิดเผยแผนการดังกล่าวกับสำนักข่าว Bloomberg ก่อนที่จะมีการลงนามอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า
การเปลี่ยนแปลงจะครอบคลุมถึงการเปลี่ยนชื่อห้องแถลงข่าวของเพนตากอนเป็น "ส่วนบัญชาการสงครามเพนตากอน" (Pentagon War Annex) รวมถึงการปรับปรุงเว็บไซต์และป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ ของกระทรวงด้วย
ทรัมป์ได้เปรยถึงแนวคิดในการเปลี่ยนชื่อกระทรวงนี้มาเป็นระยะเวลานาน แม้ว่าในขณะเดียวกันเขาจะกล่าวอ้างถึงความพยายามในการยุติสงครามในต่างแดน และโต้แย้งว่าตนเองสมควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพก็ตาม
บนโซเชียลมีเดีย ทรัมป์มักจะเรียกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนปัจจุบันว่าเป็น "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสงคราม" (Secretary of War) และเคยตั้งคำถามกับผู้ติดตามว่าเขาควรจะเปลี่ยนชื่อกระทรวงหรือไม่
"เราชนะสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เราชนะสงครามโลกครั้งที่สอง เราชนะทุกอย่าง และสำหรับผมแล้ว ชื่อนี้มันดูเหมาะสมกว่ามาก" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ห้องทำงานรูปไข่เมื่อเดือนที่แล้ว
"คำว่า 'กลาโหม' มันดูเป็นการตั้งรับเกินไป เราต้องการที่จะป้องกันตัวเอง แต่เราก็ต้องการที่จะเป็นฝ่ายรุกได้เช่นกันหากจำเป็น ดังนั้น สำหรับผมแล้ว ชื่อใหม่ฟังดูดีกว่า"
ประธานาธิบดีทรัมป์ดูเหมือนจะไม่กังวลต่อข้อเท็จจริงที่ว่าการเปลี่ยนชื่อกระทรวงกลาโหมอย่างเป็นทางการนั้นจำเป็นต้องผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา
"เราจะทำเลย ผมมั่นใจว่ารัฐสภาจะเห็นด้วย ผมไม่คิดด้วยซ้ำว่าเราจำเป็นต้องผ่านขั้นตอนนี้" เขากล่าวเมื่อเดือนก่อน
ก่อนหน้านี้ทางด้านรัฐมนตรีกลาโหมได้ส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ค่ายฟอร์ตเบนนิงเมื่อวันพฤหัสบดี โดยกล่าวว่าตำแหน่งของเขา "อาจจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย"
ทรัมป์และรัฐมนตรีกลาโหมพยายามสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งกร้าวและทรงพลังให้กับเพนตากอน แม้ว่าประธานาธิบดีจะอ้างว่าตนได้ยุติสงครามไปแล้วอย่างน้อย 7 ครั้ง
แต่ในวาระที่สองของการดำรงตำแหน่ง เขาก็ได้เปิดฉากปฏิบัติการทางทหารหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงการทิ้งระเบิดโจมตีกบฏฮูตีในเยเมน การโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน และล่าสุดคือการโจมตีเรือยนต์ที่ต้องสงสัยว่าลักลอบขนยาเสพติดในทะเลแคริบเบียน
สำหรับภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ "พระราชบัญญัติความมั่นคงแห่งชาติปี 1947" (The 1947 National Security Act) ได้ควบรวมกระทรวงการสงครามซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1789
เข้ากับกระทรวงทหารเรือและกองทัพอากาศ จัดตั้งเป็น "สถาบันการทหารแห่งชาติ" (National Military Establishment) ที่นำโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ก่อนที่หน่วยงานใหม่นี้จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "กระทรวงกลาโหม" (Defense Department) ในการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวเมื่อปี 1949
ทั้งนี้ ทรัมป์ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีกลาโหมฟื้นฟูแสนยานุภาพของกองทัพ ซึ่งเขาอ้างว่าอ่อนแอลงอย่างมากในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน
โดยรัฐบาลของเขาได้ชูตัวเลขการรับสมัครทหารที่แข็งแกร่งขึ้นมาเป็นหลักฐานว่านโยบายต่างๆ ของเขานั้นได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากสาธารณชน


