ภาษีทรัมป์ยังไม่ยุติ สรุปไทม์ไลน์สำคัญนับตั้งแต่สาบานตน
นับตั้งแต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม นโยบายด้านภาษีของเขาสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ตลาดการค้าโลก จนถึงวันนี้ สถานการณ์ยังคงไม่แน่นอน
KEY
POINTS
- สถานการณ์ภาษีของทรัมป์ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด โดยอัตราที่ประกาศอาจมีการปรับเปลี่ยนได้อีก ขึ้นอยู่กับผลการเจรจาต่อรองกับคู่ค้าสำคัญอย่างจีนและอินเดีย
- ไทม์ไลน์เผยให้เห็นการใช้นโยบายภาษีอย่างต่อเนื่องและกว้างขวางต่อหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงมีการปรับขึ้น ระงับ และเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขบ่อยครั้ง
- การเก็บภาษีถูกใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการเจรจาต่อรองทางการค้าและกดดันประเทศต่างๆ ในประเด็นอื่น เช่น การควบคุมพรมแดน และการปราบปรามยาเสพติด
แม้จากประกาศล่าสุด ไทย จะถูกสหรัฐ เรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 19% แต่ดูเหมือนว่า อัตราภาษีดังกล่าว จะยังไม่ใช่ข้อยุติ เพราะสหรัฐ ยังอาจประกาศเพิ่มภาษีต่อสินค้าเฉพาะอย่างเป็นพิเศษขึ้นได้อีก รวมทั้งข้อตกลงด้านภาษีระหว่างสหรัฐกับคู่ค้าสำคัญคือจีนและอินเดีย ก็ยังคงอยู่ในระหว่างการต่อรอง ซึ่งผลของการเจรจา ก็จะมีผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าอื่นๆทั่วโลก ต่อไปนี้คือเหตุการณ์สำคัญเกี่ยวกับภาษีที่เกิดขึ้นตามลำดับเวลา
1 กุมภาพันธ์ – ประธานาธิบดีทรัมป์กำหนดอัตราภาษีศุลกากร 25% สำหรับการนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาส่วนใหญ่ และ 10% สำหรับสินค้าจากจีน โดยมีเงื่อนไขให้ประเทศเหล่านี้ลดการลักลอบนำเข้ายาเฟนทานิลและการเข้าเมืองผิดกฎหมายเข้าสู่สหรัฐฯ
3 กุมภาพันธ์ – ทรัมป์ตกลงระงับการขึ้นภาษีศุลกากรต่อเม็กซิโกและแคนาดาตามคำขู่ เป็นเวลา 30 วัน เพื่อแลกกับการให้สัมปทานด้านการบังคับใช้กฎหมายชายแดนและการปราบปรามอาชญากรรม ทั้งนี้ สหรัฐฯ ไม่ได้บรรลุข้อตกลงลักษณะเดียวกันกับจีน
10 กุมภาพันธ์ – ทรัมป์ปรับขึ้นภาษีศุลกากรสำหรับเหล็กและอะลูมิเนียมเป็นอัตรา 25% เท่ากันทุกประเภท
3 มีนาคม – ทรัมป์ประกาศว่าภาษี 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาจะมีผลในวันที่ 4 มีนาคม และเพิ่มภาษีที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิลสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมดเป็น 20%
6 มีนาคม – ทรัมป์ยกเว้นสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกชั่วคราว 1 เดือน ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ
26 มีนาคม – ทรัมป์ประกาศเก็บภาษี 25% สำหรับรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กนำเข้า
2 เมษายน – ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีศุลกากรในอัตราพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมดทั่วโลก และกำหนดอัตราที่สูงขึ้นมากสำหรับบางประเทศ
9 เมษายน – ทรัมป์ระงับการเก็บภาษีแบบเฉพาะประเทศส่วนใหญ่ที่มีผลไม่ถึง 24 ชั่วโมง แต่ยังคงภาษี 10% สำหรับเกือบทุกสินค้านำเข้าไว้
เขายังประกาศว่าจะปรับขึ้นภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 125% จากระดับ 104% ที่เพิ่งมีผลเมื่อวันก่อนหน้า ทำให้ภาษีรวมสำหรับสินค้าจีนสูงถึง 145%
9 พฤษภาคม – ทรัมป์และนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ ประกาศข้อตกลงการค้าทวิภาคีแบบจำกัด โดยคงภาษี 10% สำหรับสินค้าส่งออกของสหราชอาณาจักร และลดภาษีสำหรับการส่งออกรถยนต์ของอังกฤษ
12 พฤษภาคม – สหรัฐฯ และจีนตกลงลดภาษีชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน ภายใต้ข้อตกลงพักรบนี้ สหรัฐฯ จะลดภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้าจีนลงเหลือ 30% ขณะที่จีนจะลดภาษีต่อสินค้าสหรัฐฯ ลงเหลือ 10% จาก 125%
23 พฤษภาคม – ทรัมป์เตือนบริษัทแอปเปิลว่าจะต้องเสียภาษี 25% หากโทรศัพท์ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ผลิตนอกประเทศ
3 มิถุนายน – ทรัมป์ลงนามในประกาศประธานาธิบดีเพื่อปรับขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมเป็น 50%
3 กรกฎาคม – ทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯ จะเก็บภาษี 20% สำหรับการส่งออกจากเวียดนามหลายประเภท และสินค้าที่ส่งต่อจากประเทศที่สามผ่านเวียดนามจะถูกเก็บภาษี 40%
7 กรกฎาคม – ทรัมป์โพสต์ใน Truth Social ว่าอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นซึ่งเคยประกาศไว้จะเริ่มมีผลวันที่ 1 สิงหาคม และในจดหมายที่ส่งถึง 14 ประเทศ เขาระบุว่าจะรวมภาษีในช่วง 25% ถึง 40%
10 กรกฎาคม – ทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯ จะเก็บภาษี 35% สำหรับสินค้านำเข้าจากแคนาดาในเดือนสิงหาคม และมีแผนจะเก็บภาษีแบบครอบคลุม 15% หรือ 20% กับคู่ค้ารายอื่นส่วนใหญ่
15 กรกฎาคม – ทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯ จะเก็บภาษี 19% สำหรับสินค้าจากอินโดนีเซียภายใต้ข้อตกลงใหม่
22 กรกฎาคม – ทรัมป์บรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น รวมถึงการลดภาษีรถยนต์นำเข้าเหลือ 15%
27 กรกฎาคม – สหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรป โดยกำหนดภาษีนำเข้า 15% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่จากสหภาพยุโรป
30 กรกฎาคม – ทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯ จะเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้านำเข้าจากอินเดีย และเก็บภาษี 50% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่จากบราซิล โดยกำหนดโควตาที่ผ่อนปรนสำหรับบางภาคส่วน เช่น อากาศยาน พลังงาน และน้ำส้ม นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังบรรลุข้อตกลงกับเกาหลีใต้เพื่อลดอัตราภาษีที่วางแผนไว้เหลือ 15%
เขายังระบุว่าภาษี 50% สำหรับท่อทองแดงและสายไฟจะมีผลวันที่ 1 สิงหาคมด้วย
31 กรกฎาคม – ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อกำหนดภาษีนำเข้าในอัตรา 10% ถึง 41% ต่อคู่ค้าจำนวน 69 ประเทศ ก่อนถึงเส้นตายการทำข้อตกลงทางการค้า โดยไทยถูกกำหนดภาษีที่อัตรา 19%
เขาออกคำสั่งแยกต่างหากเพื่อปรับขึ้นภาษีต่อสินค้าจากแคนาดาที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิลเป็น 35% จากเดิม 25%
เขายังให้เม็กซิโกได้รับการผ่อนผัน 90 วันจากการขึ้นภาษี 30% สำหรับสินค้าหลายประเภท เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาข้อตกลงการค้าที่ครอบคลุมมากขึ้น
6 สิงหาคม – ทรัมป์เก็บภาษีเพิ่มอีก 25% สำหรับสินค้าจากอินเดีย โดยให้เหตุผลว่าประเทศนี้นำเข้าน้ำมันจากรัสเซียโดยตรงหรือโดยอ้อม
7 สิงหาคม – มาตรการขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าจากหลายสิบประเทศของทรัมป์มีผล ทำให้คู่ค้าสำคัญ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ บราซิล และอินเดีย ต้องหาหนทางเจรจาข้อตกลงที่ดีกว่า
11 สิงหาคม – ทรัมป์ขยายเวลาพักรบด้านภาษีกับจีนออกไปอีก 90 วัน โดยเลื่อนการเก็บภาษีสามหลักออกไปจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ของจีนก็ออกมาตรการชะลอการเก็บภาษีเพิ่มเติมเช่นกัน


