e-commerce สะเทือน สหรัฐฯ ยุติยกเว้นภาษีพัสดุมูลค่าต่ำทั้งหมด

ตามคำสั่งฝ่ายบริหารที่ลงนามโดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พัสดุที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐ และส่งเข้าสหรัฐฯ ผ่านช่องทางที่ไม่ใช่ระบบไปรษณีย์ระหว่างประเทศ จะต้องเสีย “ภาษีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด” ซึ่งเป็นการยุติข้อยกเว้นที่เคยได้รับการบังคับใช้ก่อนหน้านี้

 

เดิมสหรัฐฯ ได้เริ่มเก็บภาษีกับพัสดุที่ส่งมาจากจีนและฮ่องกงเป็นกรณีพิเศษ โดยกฎหมายงบประมาณและภาษีที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามเมื่อไม่นานมานี้ ได้ยกเลิกข้อกฎหมายที่เป็นฐานของการยกเว้น de minimis อย่างถาวร ซึ่งจะมีผลทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2027

 

ทำเนียบขาวชี้แจงว่า การยุติการยกเว้น de minimis ครั้งนี้ดำเนินการล่วงหน้ากว่าที่กฎหมาย OBBBA (One Big Beautiful Bill Act) กำหนดไว้ เพื่อรับมือกับ “ภาวะฉุกเฉินระดับชาติ และเพื่อรักษาชีวิตและธุรกิจของชาวอเมริกันโดยทันที”

 

รูปแบบการจัดเก็บภาษีใหม่

 

พัสดุที่ส่งผ่านระบบไปรษณีย์สากลจะต้องเสียภาษีในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ดังนี้:

• ภาษีตามอัตราภาษีของประเทศต้นทาง (ad valorem duty)

• ภาษีแบบกำหนดเฉพาะช่วงเวลา เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยคิดอัตราภาษีระหว่าง 80 ถึง 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อพัสดุ ขึ้นอยู่กับอัตราภาษีของประเทศต้นทาง

 

ผลกระทบที่เกิดขึ้น

 

จากข้อมูลของศุลกากรสหรัฐฯ จำนวนพัสดุภายใต้ข้อยกเว้น de minimis เพิ่มขึ้นจาก 134 ล้านชิ้นในปี 2015 เป็นกว่า 1.36 พันล้านชิ้นในปี 2024 โดยมีการประมวลผลกว่า 4 ล้านรายการต่อวัน

 

รายงานจากสำนักข่าว Reuters ระบุว่า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากที่สหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีกับพัสดุจากจีน การขนส่งทางอากาศจากภูมิภาคเอเชียลดลง 10.7% โดยภาษีที่เก็บจากจีนและฮ่องกงในช่วงแรกสูงถึง 145% และลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 30% ภายหลังการเจรจาผ่อนคลายข้อพิพาททางการค้าในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม

 

พัสดุ e-commerce มูลค่าต่ำจากเอเชียมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างมากในธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศทั่วโลก โดยในปีที่ผ่านมามีน้ำหนักรวมกว่า 1.2 ล้านเมตริกตัน หรือคิดเป็น 55% ของปริมาณสินค้าที่ขนส่งทางอากาศจากจีนไปยังสหรัฐฯ เทียบกับเพียง 5% ในปี 2018 ซึ่งมีบริษัทอีคอมเมิร์ซต้นทุนต่ำหลายแห่งที่ใช้ประโยชน์จากช่องทางนี้ เช่น Shein และ Temu ของบริษัท PDD

 

เสียงสะท้อนจากฝ่ายการเมือง

 

วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน จิม แบงค์ส จากรัฐอินดีแอนา กล่าวสนับสนุนมาตรการดังกล่าว โดยระบุว่า “เป็นเวลานานเกินไปแล้วที่ประเทศอย่างจีนใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ภาษี ส่งสินค้าราคาถูกเข้ามาในตลาดสหรัฐฯ โดยไม่ต้องเสียภาษี”

 

มาตรการใหม่นี้คาดว่าจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ รวมถึงกลยุทธ์ของผู้ประกอบการ e-commerce รายใหญ่ที่พึ่งพาการจัดส่งสินค้าชิ้นเล็กมูลค่าต่ำเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ อย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา.