posttoday

เส้นตายภาษีทรัมป์ กับความหวังและความสับสนต่อเศรษฐกิจโลก

09 กรกฎาคม 2568

สหรัฐฯ ชะลอกำหนดเส้นตายภาษีทรัมป์ สร้างความหวังให้คู่ค้าใหญ่ แต่ก่อความสับสนในหมู่ผู้ส่งออกขนาดเล็กและภาคธุรกิจ

การประกาศเลื่อนกำหนดเส้นตายการจัดเก็บภาษีศุลกากรครั้งล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อให้เกิดความหวังในกลุ่มประเทศคู่ค้ารายใหญ่ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรป ว่ายังมีโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลงเพื่อลดหรือยกเว้นภาษี แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความสับสนให้กับประเทศผู้ส่งออกรายย่อยอย่างแอฟริกาใต้ พร้อมทิ้งความไม่ชัดเจนแก่ภาคธุรกิจเกี่ยวกับทิศทางในอนาคต

 

จดหมายแจ้งเตือนไปยัง 14 ประเทศซึ่งระบุอัตราภาษีที่จะจัดเก็บในอัตรา 25% ถึง 40% ถูกเรียกว่าเป็น “คำเตือนครั้งสุดท้าย” ของทรัมป์ในนโยบายภาษีแบบ “ต่างตอบแทน” (reciprocal tariffs) พร้อมทั้งประกาศเลื่อนกำหนดเส้นตายจากวันพุธที่ผ่านมาเป็นวันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งทรัมป์ย้ำว่า “จะไม่มีการขยายเวลาอีก”

 

นักวิเคราะห์การค้าระบุว่าการตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความไม่พอใจของทรัมป์ต่อการเจรจาการค้าที่ซับซ้อนและล่าช้ากว่าที่คาดไว้ โดยก่อนหน้านี้เขาหวังว่าจะสามารถทำข้อตกลงได้ถึง 90 ฉบับในเวลา 90 วัน

 

เมื่อวันอังคาร ทรัมป์ได้ประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าทองแดงในอัตรา 50% และเตรียมประกาศภาษีสำหรับเซมิคอนดักเตอร์และยารักษาโรคในเร็วๆ นี้ โดยเขาแสดงความชัดเจนว่าเห็นว่าภาษีแบบตรงไปตรงมาเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพกว่าการเจรจาทางการค้า

เส้นตายภาษีทรัมป์ กับความหวังและความสับสนต่อเศรษฐกิจโลก

 

ท่าทีจากพันธมิตรรายใหญ่

 

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชิเงรุ อิชิบะ แสดงท่าทีเชิงบวก โดยระบุว่ารัฐบาลจะเดินหน้าการเจรจาเพื่อให้เกิดข้อตกลงที่ “เป็นประโยชน์ร่วมกัน และคุ้มครองผลประโยชน์แห่งชาติของญี่ปุ่น” ท่ามกลางความกังวลเรื่องภาษี 25% สำหรับรถยนต์ซึ่งเป็นสินค้าหลักของญี่ปุ่น และการปฏิเสธซื้อข้าวจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นตามที่ทรัมป์ต้องการ

 

ญี่ปุ่นซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นประเทศแรกที่จะบรรลุข้อตกลง ต้องเผชิญกับข้อจำกัดทางการเมืองเนื่องจากการเลือกตั้งวุฒิสภาในวันที่ 20 กรกฎาคม ซึ่งการยอมอ่อนข้อเกินไปอาจเป็นความเสี่ยงต่อรัฐบาลพรรคเสรีประชาธิปไตยของอิชิบะ

 

เกาหลีใต้ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนใหม่ อี แจมยอง ให้คำมั่นว่าจะเร่งเจรจาเพื่อผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่าอีจะไม่ยอมตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเทียบกับญี่ปุ่น

 

ความสับสนในกลุ่มประเทศเล็กและภาคธุรกิจ

 

ในทางกลับกัน ประเทศเล็กๆ เช่น แอฟริกาใต้ ไทย และมาเลเซีย ซึ่งกำลังเผชิญกับภาษีในอัตรา 30%, 36% และ 25% ตามลำดับ กลับมีความไม่แน่นอนในอนาคต

 

ประธานาธิบดีซีริล รามาโฟซา แห่งแอฟริกาใต้วิจารณ์อัตราภาษี 30% ว่าไม่สอดคล้องกับอัตราภาษีเฉลี่ยของแอฟริกาใต้ที่ 7.6% พร้อมสั่งให้คณะเจรจาของประเทศเร่งดำเนินการตามข้อเสนอที่ยื่นไปตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม

 

ด้านสหภาพยุโรปซึ่งยังไม่ได้รับจดหมายเตือนหรือการปรับเปลี่ยนอัตราภาษี ยังคงอยู่ในระหว่างการหารือเพื่อบรรลุข้อตกลงที่อาจยกเว้นภาษีสำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะ เช่น อากาศยาน อุปกรณ์การแพทย์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยหวังให้ผู้ผลิตรถยนต์บางรายสามารถส่งออกไปยังสหรัฐฯ ได้โดยไม่ถูกจัดเก็บภาษี 25%

 

ผลกระทบต่อธุรกิจ

 

หลังจากประกาศภาษี “Liberation Day” ระดับโลกในช่วงต้นเดือนเมษายน ซึ่งมีอัตราระหว่าง 11%-50% ทรัมป์ได้ลดระดับลงเหลือ 10% สำหรับหลายประเทศเพื่อเปิดช่องให้เจรจา แต่ผลลัพธ์ยังไม่เป็นไปตามเป้า

 

ไรอัน มาเยอรัส อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ มองว่าทรัมป์กำลังเร่งใช้มาตรการกดดันเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง เนื่องจากตลาดที่เริ่มมีเสถียรภาพและตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอาจเปิดโอกาสให้ทรัมป์เดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง แต่เวลาเริ่มร่อยหรอ และยิ่งรายละเอียดของข้อตกลงซับซ้อนมากขึ้น ก็ยิ่งยากต่อการเจรจา

 

ในระดับภาคธุรกิจ ความไม่แน่นอนดังกล่าวทำให้บริษัทต่างๆ ต้องชะลอการตัดสินใจด้านห่วงโซ่อุปทานและต้นทุน หลายบริษัทกำลังขาดทุนจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทุกวันและไร้ทิศทาง เนื่องจากเจอความซับซ้อนในการคำนวณภาษี และต้องปรับฐานและกระบวนการผลิต

 

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ซันเดอร์แลนด์ พบ นิวคาสเซิ่ล พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68