ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ นักลงทุนวิตกความขัดแย้งอิหร่าน-อิสราเอล
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายในแดนลบ นักลงทุนวิตกเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านซึ่งดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า
ดัชนีหลักของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงมากขึ้นในช่วงบ่าย ขณะที่ดัชนีความผันผวนของ Cboe (VIX) ปิดที่ระดับ 21.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า มีการส่งเครื่องบินรบเพิ่มเติมเข้าสู่ตะวันออกกลาง พร้อมทั้งขยายระยะเวลาปฏิบัติภารกิจของเครื่องบินรบที่ประจำการอยู่เดิม โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้อิหร่าน “ยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข” หลังจากที่อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตานโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นอกเหนือจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง นักลงทุนยังคงจับตาท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ทั้งในเรื่องมาตรการภาษีนำเข้า ข้อเสนอปรับลดภาษี และทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีกำหนดประกาศผลการประชุมในวันพุธนี้ โดยมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม
ราคาน้ำมันพุ่ง หุ้นพลังงานและอาวุธหนุนตลาด
ดัชนีหุ้นในกลุ่ม S&P 500 ส่วนใหญ่ปิดลดลง ยกเว้นภาคพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่พุ่งสูงจากความกังวลว่าความขัดแย้งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคตะวันออกกลางที่อุดมด้วยทรัพยากรพลังงาน
หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศก็ได้รับอานิสงส์ โดยเฉพาะบริษัท Lockheed Martin ที่ราคาหุ้นปรับขึ้น 2.6%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 299.29 จุด หรือ 0.70% อยู่ที่ 42,215.80 จุด
ดัชนี S&P 500 ลดลง 50.39 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 5,982.72 จุด
ขณะที่ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 180.12 จุด หรือ 0.91% อยู่ที่ 19,521.09 จุด
ทองคำ-น้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล แม้ว่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าจะเป็นปัจจัยกดดัน
โดยราคาทองสปอตขยับขึ้น 0.2% อยู่ที่ 3,390.59 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้าในตลาดสหรัฐฯ ปิดลดลง 0.3% อยู่ที่ 3,406.90 ดอลลาร์
ในขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
เบรนท์พุ่งขึ้น 4.4% ปิดที่ 76.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐฯ ปิดที่ 74.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 4.28% หรือ 3.07 ดอลลาร์
แม้โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานหลักยังไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรงก็ตาม