posttoday

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ นักลงทุนวิตกความขัดแย้งอิหร่าน-อิสราเอล

18 มิถุนายน 2568

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายในแดนลบ นักลงทุนวิตกเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านซึ่งดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า

ดัชนีหลักของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงมากขึ้นในช่วงบ่าย ขณะที่ดัชนีความผันผวนของ Cboe (VIX) ปิดที่ระดับ 21.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา

 

เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า มีการส่งเครื่องบินรบเพิ่มเติมเข้าสู่ตะวันออกกลาง พร้อมทั้งขยายระยะเวลาปฏิบัติภารกิจของเครื่องบินรบที่ประจำการอยู่เดิม โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้อิหร่าน “ยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข” หลังจากที่อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

 

นักลงทุนจับตานโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

นอกเหนือจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง นักลงทุนยังคงจับตาท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด ทั้งในเรื่องมาตรการภาษีนำเข้า ข้อเสนอปรับลดภาษี และทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีกำหนดประกาศผลการประชุมในวันพุธนี้ โดยมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม

 

 

ราคาน้ำมันพุ่ง หุ้นพลังงานและอาวุธหนุนตลาด

 

ดัชนีหุ้นในกลุ่ม S&P 500 ส่วนใหญ่ปิดลดลง ยกเว้นภาคพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันที่พุ่งสูงจากความกังวลว่าความขัดแย้งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคตะวันออกกลางที่อุดมด้วยทรัพยากรพลังงาน

 

หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศก็ได้รับอานิสงส์ โดยเฉพาะบริษัท Lockheed Martin ที่ราคาหุ้นปรับขึ้น 2.6%

 

ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 299.29 จุด หรือ 0.70% อยู่ที่ 42,215.80 จุด 

 

ดัชนี S&P 500 ลดลง 50.39 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 5,982.72 จุด 

 

ขณะที่ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 180.12 จุด หรือ 0.91% อยู่ที่ 19,521.09 จุด

 

ทองคำ-น้ำมันปรับตัวสูงขึ้น 

 

ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล แม้ว่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าจะเป็นปัจจัยกดดัน 

 

โดยราคาทองสปอตขยับขึ้น 0.2% อยู่ที่ 3,390.59 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

 

ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้าในตลาดสหรัฐฯ ปิดลดลง 0.3% อยู่ที่ 3,406.90 ดอลลาร์

 

ในขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน 

 

เบรนท์พุ่งขึ้น 4.4% ปิดที่ 76.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

 

ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐฯ ปิดที่ 74.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 4.28% หรือ 3.07 ดอลลาร์ 

 

แม้โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานหลักยังไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรงก็ตาม

ข่าวล่าสุด

ราชวิทยาลัยฯ 'ไม่แนะนำ' ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ รักษาสายตายาวตามวัย