ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วง ราคาน้ำมันพุ่ง หลังอิหร่านแก้แค้นอิสราเอล
ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิดตลาดในแดนลบอย่างรุนแรง หลังอิหร่านยิงขีปนาวุธตอบโต้การโจมตีทางอากาศของอิสราเอล ที่มุ่งเป้าหมายด้านนิวเคลียร์
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้อิหร่านเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของตน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการโจมตี พร้อมกล่าวว่ายังมีเวลาในการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นกับอิสราเอล อย่างไรก็ตาม ในช่วงค่ำของวันเดียวกัน อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล โดยมีเสียงระเบิดดังขึ้นในกรุงเทลอาวีฟและเยรูซาเล็ม ท่ามกลางสัญญาณเตือนภัยที่ดังกระหึ่มทั่วประเทศ
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางความวิตกว่าความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันและก๊าซจากภูมิภาคตะวันออกกลาง
โดยน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานของตลาดโลก ปรับเพิ่มขึ้น 7% ปิดที่ 74.23 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งขึ้นมากกว่า 13%
ขณะที่น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดที่ 72.98 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7.62%
ราคาก๊าซธรรมชาติสหรัฐฯ ขยับขึ้นราว 3%
ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก โดยราคาทองคำปรับตัวขึ้น 1.4% อยู่ที่ 3,431 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,500.05 ดอลลาร์จากเดือนเมษายน
ขณะเดียวกัน ตลาดทุนเผชิญแรงขายจากความกังวลของนักลงทุน
ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 1.13% ปิดที่ 5,976.97 จุด
ดัชนี Nasdaq ลดลง 1.30% ปิดที่ 19,406.83 จุด
ส่วนดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ร่วงแรงที่สุดในกลุ่มหลัก ลดลง 1.79% ปิดที่ 42,197.79 จุด


