ย้อนรอยปีมหาวิปโยค "วิกฤตศรัทธา Boeing" หลังแอร์อินเดียตก
โศกนาฏกรรม Boeing 787 Air India ตกที่อินเดีย! ย้อนรอยวิกฤตโบอิ้งที่เผชิญมรสุมความปลอดภัยตลอดปี 2024 ทั้งประตูหลุด ปัญหาคุณภาพ และเหตุสะเทือนขวัญครั้งแล้วครั้งเล่า
เกิดเหตุโศกนาฏกรรมสลดสั่นสะเทือนแวดวงการบินโลก เมื่อเครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย เที่ยวบิน AI171 ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่น Boeing 787-8 Dreamliner
ที่มุ่งหน้าสู่กรุงลอนดอน พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 242 ชีวิต ประสบอุบัติเหตุตกหลังทะยานขึ้นจากเมืองอาเมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดียได้เพียงไม่กี่นาที เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน 2025 ตามเวลาท้องถิ่น
สายการบินแอร์อินเดียยืนยันว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีจุดหมายปลายทางที่สนามบินแกตวิก (Gatwick) ประเทศสหราชอาณาจักร ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ระบุว่าเครื่องบินได้ตกลงในพื้นที่ชุมชนใกล้กับสนามบิน สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในบริเวณดังกล่าว
แหล่งข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยรายละเอียดผู้โดยสารบนเครื่องว่า จากจำนวนทั้งหมด 242 คน ประกอบด้วยผู้ใหญ่ 217 คน และเด็ก 11 คน โดยมีสัญชาติอินเดีย 169 คน, สหราชอาณาจักร 43 คน, โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน
ภาพข่าวจากสถานีโทรทัศน์หลายแห่งในอินเดียเผยให้เห็นช่วงเวลาที่น่าสะเทือนใจ โดยจับภาพเครื่องบินลำดังกล่าวกำลังบินผ่านย่านที่อยู่อาศัยในระดับต่ำ ก่อนจะหายไปจากจอภาพ
และเกิดกลุ่มควันไฟขนาดใหญ่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างน่ากลัว ในที่เกิดเหตุพบเศษซากเครื่องบินที่กำลังลุกไหม้และมีควันดำหนาทึบปกคลุมไปทั่วบริเวณ ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บขึ้นเปลสนามเพื่อนำส่งโรงพยาบาลอย่างโกลาหล
เว็บไซต์ติดตามการบินชื่อดังอย่าง Flightradar24 ยืนยันว่าเครื่องบินที่ประสบอุบัติเหตุคือ Boeing 787-8 Dreamliner ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยที่สุดรุ่นหนึ่งในปัจจุบัน
อุบัติเหตุครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางมรสุมวิกฤตศรัทธาที่บริษัทโบอิ้ง (Boeing) ผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่ของโลกกำลังเผชิญอย่างหนักหน่วง
เหตุการณ์นี้ได้ตอกย้ำและจุดชนวนคำถามด้านความปลอดภัยและมาตรฐานการผลิตของโบอิ้งให้ดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่เพิ่งผ่านพ้น "ปี 2024" ที่ถูกขนานนามว่าเป็นปีมหาวิปโยคของบริษัทมาหมาดๆ
ทีมข่าว Posttoday ขอพาย้อนไทม์ไลน์วิกฤตการณ์ที่สั่นสะเทือนโบอิ้งตลอดทั้งปี 2024 ซึ่งเป็นดั่งเชื้อไฟที่ปะทุขึ้นก่อนจะเกิดโศกนาฏกรรมครั้งล่าสุดนี้
ย้อนรอยวิกฤตโบอิ้ง: 2024 ปีแห่งหายนะทางความเชื่อมั่น
หากจะกล่าวว่าปี 2024 คือบททดสอบที่หนักหนาสาหัสที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Boeing ก็คงไม่เกินจริง เมื่อปัญหาด้านคุณภาพและความปลอดภัยถูกเปิดโปงและปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง สร้างความหวาดหวั่นไปทั่วโลก
-
มกราคม: เปิดฉากปีระทึกขวัญ ประตูหลุดกลางอากาศ
เพียงไม่กี่วันหลังเริ่มศักราชใหม่ โบอิ้งก็สร้างข่าวสะเทือนโลก เมื่อแผ่น "Door Plug" หรือแผ่นอุดประตูของเครื่องบิน Boeing 737 MAX 9 ของสายการบิน Alaska Airlines เกิดหลุดกระเด็นออกจากลำตัวเครื่อง ขณะบินอยู่ที่ความสูง 16,000 ฟุต
โชคดีที่ไม่มีผู้โดยสารนั่งติดกับประตูนั้นและเครื่องสามารถลงจอดฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัย แต่ภาพรูโหว่ขนาดใหญ่กลางลำตัวเครื่องบินได้กลายเป็นไวรัลที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นของผู้คนทั่วโลก
เหตุการณ์นี้ส่งผลให้องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (FAA) สั่งระงับการบินของเครื่องบินรุ่นดังกล่าวในประเทศทันทีเพื่อตรวจสอบเป็นการด่วน
ก่อนจะพบว่าเครื่องบินรุ่นเดียวกันอีกหลายลำมีปัญหา "สลักเกลียวหลวม" ในจุดเดียวกัน สะท้อนถึงปัญหาการควบคุมคุณภาพ (QC) ที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
-
กุมภาพันธ์: หลักฐานมัดตัว "สลักเกลียว 4 ตัวไม่ได้ใส่"
คณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) เผยผลการสอบสวนเบื้องต้นที่น่าตกใจว่า เครื่องบินลำที่เกิดเหตุของ Alaska Airlines ขาดสลักเกลียว (Bolts) สำคัญถึง 4 ตัว ที่ใช้ยึดแผ่นประตูเข้ากับตัวเครื่อง
ความผิดพลาดที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นนี้ ส่งผลให้ผู้บริหารระดับสูงที่ดูแลโครงการ 737 MAX ต้องประกาศลาออกเพื่อรับผิดชอบ ขณะที่ FAA ขีดเส้นตายให้โบอิ้งส่งแผนแก้ไขปัญหามาตรฐานการผลิตและความปลอดภัยทั้งหมดภายใน 90 วัน
-
มีนาคม: ขัดขวางการสอบสวนและปริศนาการเสียชีวิตของพยาน
สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เมื่อ NTSB ออกมาเปิดเผยว่าโบอิ้งไม่ให้ความร่วมมือในการสืบสวนเท่าที่ควร โดยอ้างว่าไม่มีเอกสารบันทึกการทำงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งประตูเจ้าปัญหา ทำให้เกิดข้อกังขาถึงความโปร่งใสของบริษัท
ท่ามกลางความตึงเครียด จอห์น บาร์เน็ตต์ (John Barnett) อดีตผู้จัดการฝ่ายคุณภาพของโบอิ้ง ซึ่งเป็นผู้ที่ออกมาเปิดโปง (Whistleblower) ปัญหาด้านความปลอดภัยในการผลิตของบริษัทมาอย่างต่อเนื่อง
ถูกพบว่าเสียชีวิตในรถยนต์ของตนเองอย่างเป็นปริศนา การเสียชีวิตของเขาได้สร้างความตกตะลึงและทิ้งปมปริศนาที่ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของวิกฤตการณ์ครั้งนี้
-
ไตรมาส 2-3: พนักงานโบอิ้งแฉ "เน้นกำไรเหนือความปลอดภัย"
กระแสการเปิดโปงจากพนักงานทั้งในอดีตและปัจจุบันปะทุขึ้นราวกับเขื่อนแตก หลายคนออกมาให้ข้อมูลตรงกันว่า โบอิ้งมีวัฒนธรรมองค์กรที่กดดันให้พนักงานเร่งกระบวนการผลิตเพื่อส่งมอบเครื่องบินให้ทันตามกำหนด
จนละเลยขั้นตอนการตรวจสอบความปลอดภัยที่ควรจะเป็นหัวใจสำคัญที่สุด พนักงานที่พยายามทักท้วงเรื่องความปลอดภัยมักถูกข่มขู่หรือโยกย้ายหน้าที่
แรงกดดันจากสังคมและพนักงานที่รวมตัวกันประท้วงหน้าโรงงาน นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในที่สุด เดฟ คาลฮูน (Dave Calhoun) ซีอีโอของบริษัท ประกาศจะลงจากตำแหน่งภายในสิ้นปี 2024
พร้อมกับการปรับทัพผู้บริหารระดับสูงอีกหลายตำแหน่ง โบอิ้งได้ประกาศแผนปฏิรูปองค์กรครั้งใหญ่เพื่อกอบกู้ศรัทธา แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะสายเกินไป
-
ไตรมาส 4: ปิดท้ายปีด้วยโศกนาฏกรรมที่เกาหลีใต้
ช่วงปลายปี 2024 วงการการบินต้องเผชิญกับข่าวร้ายอีกครั้ง เมื่อเครื่องบิน Boeing 737-800 ของสายการบิน Jeju Air ประสบอุบัติเหตุไถลออกนอกรันเวย์ที่สนามบินในเกาหลีใต้ ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 179 คน
แม้ 737-800 จะเป็นเครื่องบินคนละรุ่นกับ 737 MAX ที่มีปัญหา แต่ก็เป็นหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลก โดยมีเครื่องบินให้บริการอยู่กว่า 4,400 ลำ โศกนาฏกรรมครั้งนี้จึงยิ่งเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ด้านลบและสร้างความหวาดระแวงต่อเครื่องบินของโบอิ้งในภาพรวม
อุบัติเหตุเครื่องบินแอร์อินเดีย Boeing 787 Dreamliner ตกครั้งล่าสุด ในเดือนมิถุนายน 2025 นี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความเชื่อมั่นของสาธารณชนที่มีต่อโบอิ้ง ขาดสะบั้นลงอย่างยากที่จะประสานกลับคืนมาได้หรือไม่
แต่คำถามสำคัญในตอนนี้คือ โบอิ้งจะสามารถฟื้นฟูชื่อเสียงและพิสูจน์ตัวเองให้กลับมายืนหยัดในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมการบินได้อย่างไร ท่ามกลางวิกฤตซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เกิดขึ้นตลอดปี 2024 และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน


