สื่อกัมพูชา รายงานข่าวประเทศไทยปิดด่านชายแดนกัมพูชาแล้ว
สื่อกัมพูชา รายงานข่าวไทยปิดด่านชายแดนกัมพูชาโดยฝ่ายเดียว อ้างหมดหนทางในการแก้ไขข้อพิพาท ด้านผู้นำกัมพูชา ยืนยัน ส่งเรื่องขึ้นศาลโลก ย้ำไม่ต้องการสงคราม
เว็บไซต์ The Phnom Penh Post รายงานข่าวว่า กระทรวงกลาโหมไทยประกาศปิดจุดผ่านแดนในจังหวัดสระแก้วที่ติดกับจังหวัดบันเตียเมียนเจยและพระตะบองของกัมพูชา โดยให้เหตุผลว่าประเทศไทยได้ใช้ความพยายามทุกวิถีทางแล้วในการแก้ไขข้อพิพาทเขตแดน
ตามหนังสือแจ้งจากนาย คิม โสวันนา กงสุลใหญ่กัมพูชาประจำจังหวัดสระแก้วถึงกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา ระบุว่าเมื่อเช้าวันนี้ (7 มิ.ย.) ทางการไทยได้แจ้งการปิดด่านชั่วคราวโดยฝ่ายเดียวเพื่อรอผลการเจรจาในข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา
“พวกเขารายงานว่าการปิดด่านจะมีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 โดยด่านผ่านแดนและทางเดินระหว่างไทยกับกัมพูชาจะปิดชั่วคราวเพื่อรอการเจรจาเกี่ยวกับข้อพิพาทเขตแดน” นายโสวันนากล่าว
เขาระบุเพิ่มเติมว่ามีสาเหตุจากการที่กัมพูชาไม่ยินยอมเจรจาใน 4 จุด ได้แก่ ตาเมือนน้อย, ตาเมือนใหญ่, ตาเครเบย และมุมไบ ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน โดยกัมพูชาประสงค์จะยื่นเรื่องต่อ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) แทน
นอกจากด่านในจังหวัดสระแก้วแล้ว ทางการไทยยังเตรียมปิดด่านอื่นๆ ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชาอีกด้วย
สถานการณ์บริเวณชายแดนยังคงตึงเครียด โดยนาย ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทยกล่าวหาว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเพิ่มความตึงเครียด และเปิดเผยว่าแถลงการณ์ของฝ่ายกัมพูชาเกี่ยวกับการประชุมเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นข้อมูลที่ “ไม่ถูกต้อง”
“ข้อเสนอเชิงสร้างสรรค์ที่อาจนำไปสู่การลดความตึงเครียดและสันติภาพ ถูกปฏิเสธ อีกทั้งยังมีการเพิ่มกำลังทหาร ซึ่งยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องยกระดับมาตรการและเสริมกำลังป้องกันชายแดน” นายภูมิธรรมกล่าว
เขาย้ำว่าประเทศไทยจะไม่ยอมรับการละเมิดอธิปไตยไม่ว่าด้วยเหตุผลใด และพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเต็มที่ พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่
“ทุกปฏิบัติการของไทยจะยึดหลักความปลอดภัยและความสงบสุขของประชาชนในพื้นที่ชายแดนเป็นสำคัญ” เขาระบุ
ไทยยังคงยืนยันไม่ยอมรับเขตอำนาจของ ICJ ตั้งแต่ปี 2503 และย้ำว่าการเจรจาแบบทวิภาคีตาม บันทึกความเข้าใจปี 2543 (MoU 2000) ควรเป็นแนวทางหลักในการแก้ไขข้อพิพาท
ด้านนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาแนต กล่าวในงานสาธารณะที่จังหวัดรัตนคีรีในช่วงเช้าวันนี้ว่า กัมพูชาจะส่งเรื่อง 4 จุดพิพาทเข้าสู่ ICJ เท่านั้น ส่วนพื้นที่เขตแดนอื่นจะยังคงใช้กลไกจาก MoU เพื่อดำเนินการต่อไป
“ไม่ว่า ICJ จะตัดสินอย่างไร กัมพูชาจะยอมรับและปฏิบัติตาม เราไม่ได้ต้องการสงคราม แต่ต้องการยุติข้อพิพาทอย่างสันติ” นายมาแนตกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนทั้งสองประเทศหลีกเลี่ยงการยั่วยุและการกระทำที่อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง


