posttoday

ทรัมป์สะดุด! ศาลสั่งเบรกภาษีนำเข้า เหตุขัดรัฐธรรมนูญ

29 พฤษภาคม 2568

ศาลสหรัฐฯ ตัดสินชัด ภาษีนำเข้าของทรัมป์ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะอำนาจการค้าเป็นของสภา ไม่ใช่ผู้นำประเทศ ด้านทำเนียบขาวเตรียมอุทธรณ์ทันควัน!

 

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งระงับการบังคับใช้มาตรการภาษีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้

 

โดยให้เหตุผลว่าประธานาธิบดีใช้อำนาจเกินขอบเขตในการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศที่มียอดการส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯ มากกว่ายอดซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ

 

ศาลชี้ว่า รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ มอบอำนาจแต่เพียงผู้เดียวให้รัฐสภาในการควบคุมการค้ากับต่างประเทศ และอำนาจนี้ไม่สามารถถูกลบล้างได้ด้วยอำนาจฉุกเฉินของประธานาธิบดีในการปกป้องเศรษฐกิจของประเทศ

 

คณะผู้พิพากษาสามคนระบุในคำตัดสินว่า ระบุในคำตัดสินอย่างชัดเจนว่า

 

"ศาลมิได้พิจารณาว่าการใช้มาตรการภาษีของประธานาธิบดีเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือมีประสิทธิผลหรือไม่ แต่การใช้อำนาจดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ ไม่ใช่เพราะมันไม่เหมาะสมหรือไร้ประสิทธิผล แต่เพราะกฎหมายของรัฐบาลกลางไม่อนุญาตให้กระทำ" 

 

เพียงไม่กี่นาทีหลังคำตัดสิน ทำเนียบขาวได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์ทันที

 

ทรัมป์สะดุด! ศาลสั่งเบรกภาษีนำเข้า เหตุขัดรัฐธรรมนูญ

 

จุดเริ่มต้นฟ้องร้องมาตรการภาษีทรัมป์

 

คำตัดสินครั้งนี้มีที่มาจากคดีฟ้องร้องสองคดี:

 

  1. องค์กร Liberty Justice Center ซึ่งเป็นองค์กรไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ได้ยื่นฟ้องในนามของธุรกิจขนาดเล็ก 5 แห่งของสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการนำเข้าสินค้าจากประเทศที่ถูกเรียกเก็บภาษี
  2. 13 รัฐของสหรัฐอเมริกา ได้รวมตัวกันยื่นฟ้องคดีแยกต่างหาก

 

ธุรกิจเหล่านี้ ตั้งแต่ผู้นำเข้าไวน์และสุราในนิวยอร์ก ไปจนถึงผู้ผลิตชุดอุปกรณ์การศึกษาและเครื่องดนตรีในเวอร์จิเนีย ต่างระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า

 

มาตรการภาษีทรัมป์จะ "ทำลายความสามารถในการดำเนินธุรกิจ" ของพวกเขา

 

ปัจจุบัน ทั้งทำเนียบขาวและทนายความของกลุ่มผู้ฟ้องร้องยังไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ เพิ่มเติม

 

ทรัมป์สะดุด! ศาลสั่งเบรกภาษีนำเข้า เหตุขัดรัฐธรรมนูญ

 

ทุกฝ่ายจวกมาตรการภาษีทรัมป์

 

สตีเฟน มิลเลอร์ รองหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว และหนึ่งในที่ปรึกษาคนสำคัญของทรัมป์ แสดงท่าทีไม่พอใจอย่างเปิดเผย โดยโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียสั้นๆ ว่า

 

"การรัฐประหารโดยตุลาการกำลังจะควบคุมไม่ได้" ซึ่งสะท้อนความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อคำตัดสินของศาล

 

ในขณะเดียวกัน อัยการสูงสุดของรัฐออริกอน แดน เรย์ฟิลด์ จากพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นแกนนำในการฟ้องร้องของรัฐต่างๆ

 

ได้เรียกมาตรการภาษีของทรัมป์ว่า "ผิดกฎหมาย ไม่ระมัดระวัง และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล"

 

"คำตัดสินนี้เป็นการย้ำเตือนว่ากฎหมายของเรามีความสำคัญ และการตัดสินใจทางการค้าไม่สามารถทำได้ตามอำเภอใจของประธานาธิบดี" นายเรย์ฟิลด์กล่าว

 

ปัจจุบัน ยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรการภาษีอีกอย่างน้อย 5 คดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา

 

ทรัมป์สะดุด! ศาลสั่งเบรกภาษีนำเข้า เหตุขัดรัฐธรรมนูญ

 

ทรัมป์ใช้กฎหมายผิดวัตถุประสงค์

 

ประธานาธิบดีทรัมป์อ้างอำนาจในการกำหนดภาษีภายใต้ พระราชบัญญัติอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ (IEEPA)

 

ซึ่งปกติแล้วจะใช้เพื่อจัดการกับภัยคุกคาม "ผิดปกติและร้ายแรง" ในสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ

 

ในอดีต กฎหมายนี้มักถูกนำมาใช้เพื่อคว่ำบาตรประเทศคู่กรณี หรืออายัดทรัพย์สินของศัตรู แต่ทรัมป์ถือเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่ใช้กฎหมายนี้ในการเรียกเก็บภาษีนำเข้า

 

กระทรวงยุติธรรมโต้แย้งว่าคดีฟ้องร้องควรถูกยกฟ้อง เพราะผู้ฟ้องร้องยังไม่ได้รับความเสียหายโดยตรงจากภาษีที่ยังไม่ได้จ่าย

 

และมีเพียงรัฐสภาเท่านั้น ไม่ใช่ธุรกิจเอกชน ที่มีอำนาจท้าทายการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของประธานาธิบดี

 

เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทรัมป์ประกาศมาตรการภาษีนี้ โดยอ้างว่าการขาดดุลการค้าคือ "สถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ"

 

ซึ่งเป็นเหตุผลในการเรียกเก็บภาษี 10% จากการนำเข้าทั้งหมด และในอัตราที่สูงขึ้นสำหรับประเทศที่สหรัฐฯ มีการขาดดุลการค้ามากที่สุด โดยเฉพาะจีน

 

หลังจากนั้นไม่นาน มาตรการภาษีเฉพาะประเทศหลายรายการก็ถูกระงับชั่วคราว และเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม รัฐบาลทรัมป์ยังประกาศลดอัตราภาษีสูงสุดกับจีนลงชั่วคราว

 

ระหว่างที่กำลังเจรจาข้อตกลงทางการค้าระยะยาว โดยทั้งสองประเทศตกลงจะลดภาษีระหว่างกันอย่างน้อย 90 วัน

 

ผลกระทบต่อตลาดการเงิน

 

มาตรการภาษีของทรัมป์ที่มีการปรับเปลี่ยนบ่อยครั้ง ได้สร้างความผันผวนและส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินของสหรัฐฯ อย่างเห็นได้ชัด

 

ทรัมป์กล่าวว่ามาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูศักยภาพการผลิตของสหรัฐฯ

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากการตัดสินของศาล ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินฟรังก์สวิส ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และเงินเยนญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนมุมมองของตลาดต่อคำตัดสินนี้


 

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"