ทรัมป์เปลี่ยนท่าที หนุนพาวเวลนั่งเก้าอี้เฟดจนครบวาระ
ทรัมป์ยืนยันไม่ปลดประธานเฟด ย้ำความต้องการให้ลดดอกเบี้ยเพื่อหนุนเศรษฐกิจ พร้อมอวดเศรษฐกิจดีเป็นผลงานตนเอง
โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวในรายการ Meet the Press ทาง NBC News เมื่อวันอาทิตย์ว่า เขาจะไม่ปลดนายเจอโรม พาวเวล ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก่อนครบวาระในเดือนพฤษภาคม 2026 แม้จะเคยวิจารณ์อย่างหนักว่า พาวเวลเป็น “คนแข็งทื่อเกินไป” พร้อมย้ำความต้องการให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อหนุนเศรษฐกิจ
“เขาควรจะลดดอกเบี้ย และในที่สุดเขาก็จะลด แม้เขาจะไม่ชอบผมเท่าไหร่ก็ตาม” ทรัมป์กล่าว
ย้ำมาตรการภาษีจะทำให้คนอเมริกันร่ำรวย แม้เศรษฐกิจหดตัว
ทรัมป์ยังคงสนับสนุนนโยบายกีดกันทางการค้าด้วยการขึ้นภาษีศุลกากร โดยมองว่าเป็นกลยุทธ์ระยะยาวที่จะทำให้เศรษฐกิจอเมริกา “ร่ำรวยยิ่งขึ้น” แม้จะมีสัญญาณชะลอตัว เช่น การหดตัวของ GDP ไตรมาสแรก ซึ่งเขาโยนความผิดให้กับรัฐบาลของโจ ไบเดน
เมื่อต้นเดือนเมษายน ทรัมป์ได้ประกาศขึ้นภาษี 10% สำหรับสินค้าจากหลายประเทศ และขึ้นภาษีเฉพาะกลุ่มกับสินค้าจากจีน เม็กซิโก และแคนาดา ในอัตราสูงสุดถึง 145% ซึ่งก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดหุ้นและความวิตกเกี่ยวกับเสถียรภาพของเฟดในฐานะองค์กรอิสระ
ทรัมป์ขอรับเครดิตฝั่งบวก โยนฝั่งลบให้ไบเดน
แม้เศรษฐกิจสหรัฐจะสะท้อนภาวะผันผวนอย่างชัดเจนจากมาตรการขึ้นภาษี ทรัมป์กลับชี้ว่า “ส่วนที่ดี” ของเศรษฐกิจควรยกให้เป็นผลงานของเขา ขณะที่ “ส่วนที่แย่” เป็นผลจากนโยบายล้มเหลวของรัฐบาลไบเดน
ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลของเขาควรได้รับเครดิตจากการลดต้นทุนพลังงานและการเริ่มแก้ไขปัญหาขาดดุลการค้า พร้อมปัดความกังวลเรื่องราคาสินค้าแพงจากภาษีนำเข้า โดยกล่าวว่า “ชาวอเมริกันไม่จำเป็นต้องมีตุ๊กตา 30 ตัว หรือดินสอ 250 แท่ง พวกเขามีแค่ 3 ตัว หรือ 5 แท่งก็พอแล้ว”
การเจรจาการค้าเดินหน้า แต่ทรัมป์ไม่ยืนยันจะยกเลิกภาษี
ขณะนี้รัฐบาลทรัมป์กำลังเจรจาการค้ากับกว่า 15 ประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีที่เข้มงวด แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าเขาจะยกเลิกภาษีหรือไม่ โดยทรัมป์ให้เหตุผลว่า “ถ้าคนอื่นคิดว่าภาษีจะถูกยกเลิก แล้วจะมีใครลงทุนสร้างฐานการผลิตในสหรัฐฯ ล่ะ?”
เขายังย้ำท่าทีแข็งกร้าวต่อจีน โดยระบุว่าได้ตัดขาดทางการค้าเกือบทั้งหมดกับปักกิ่ง และขณะนี้จีน “อยากเจรจามาก” แต่เงื่อนไขจะต้องเป็น “ข้อตกลงที่ยุติธรรม”


