posttoday

ปธน.เกาหลีใต้จนตรอก ผู้นำพรรครัฐบาลกลับลำ ชี้ต้องถูกพักงานโดยเร็วที่สุด

06 ธันวาคม 2567

ผู้นำพรรครัฐบาลเกาหลีใต้กลับลำ ลั่นประธานาธิบดียุน ซุกยอล ต้องถูกถอดออกจากอำนาจเพื่อความปลอดภัยของประเทศ ฐานพยายามบังคับใช้กฎอัยการศึก ขณะรัฐสภาเกาหลีจะเริ่มกระบวนการถอดถอนในวันเสาร์

ประธานาธิบดียุน ซุกยอล ทำให้ทั้งประเทศและพรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นรัฐบาลของเขาเองตกใจเมื่อวันอังคาร เมื่อประกาศว่าเขาจะบังคับใช้กฎอัยการศึก เพื่อขจัด "กองกำลังต่อต้านรัฐ" และเอาชนะฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่ขัดขวางการทำงาน

แต่เขาต้องยกเลิกคำประกาศดังกล่าวในอีกประมาณ 6 ชั่วโมงต่อมา หลังจากที่รัฐสภา รวมทั้งสมาชิกพรรคของเขาบางคน ลงมติไม่เห็นด้วยกับกฤษฎีกาดังกล่าว

หลังเหตุการณ์ดังกล่าวพรรคฝ่ายค้านได้กำหนดให้มีการลงมติถอดถอน ประธานาธิบดียุน ในเย็นวันเสาร์ และตำรวจได้เริ่มการสอบสวนยุน ว่าการก่อกบฏ ที่พรรคฝ่ายค้านและนักเคลื่อนไหวกดดันให้เอาผิด ขณะที่ประชาชนที่ไม่พอใจ ออกมาประท้วงให้เขาลาออกหลายจุดทั่วประเทศ

ปธน.เกาหลีใต้จนตรอก ผู้นำพรรครัฐบาลกลับลำ ชี้ต้องถูกพักงานโดยเร็วที่สุด

 

เมื่อวันพฤหัสบดี พรรครัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการกล่าวโทษและเอาผิดผู้นำประเทศ แต่ภายหลังการประชุมพรรคที่รัฐสภาเมื่อวันศุกร์ ผู้นำพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) ฮัน ดงฮุน กล่าวว่า ยุน ได้สั่งให้จับกุมนักการเมืองที่มีชื่อเสียง โดยอ้างว่าพวกเขาเป็นหนึ่งใน “กองกำลังต่อต้านรัฐ” ในระหว่างกฎอัยการศึก และชี้ว่าจุดยืนของพรรคอาจเปลี่ยนไปในแง่ของ "หลักฐานที่น่าเชื่อถือ" ที่แสดงว่ายุนตั้งใจที่จะจับกุมและควบคุมตัวผู้นำทางการเมืองที่กวาชอน ทางตอนใต้ของกรุงโซล

“ผมพูดเมื่อวานนี้ว่า จะพยายามขัดขวางกระบวนการถอดถอนนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายต่อประชาชนและผู้สนับสนุนที่เกิดจากความวุ่นวายที่ไม่ได้เตรียมตัวไว้ แต่ผมเห็นว่าการสั่งพักงานของประธานาธิบดี ยุน ซุกยอล โดยทันทีมีความจำเป็น เพื่อปกป้องสาธารณรัฐเกาหลีและผู้คน จากข้อเท็จจริงที่เพิ่งเปิดเผย”

 

ปธน.เกาหลีใต้จนตรอก ผู้นำพรรครัฐบาลกลับลำ ชี้ต้องถูกพักงานโดยเร็วที่สุด  

 

ทั้งนี้การเสนอญัตติถอดถอนซึ่งเสนอโดยสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้าน 191 คน จำเป็นต้องมีเสียงข้างมาก 2 ใน 3 จึงจะผ่านรัฐสภา จากสมาชิกรัฐสภา 300 คน ฝ่ายค้านจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนแปดเสียงจากสมาชิกพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) จึงจะผ่านร่างกฎหมายนี้ได้ การกลับลำของผู้นำพรรครัฐบาลในครั้งนี้ ทำให้ชะตาของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ริบหรี่มากยิ่งขึ้น