แนวทางยีนบำบัดชนิดใหม่ รักษาโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียวอย่างถาวร
โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว หนึ่งในโรคเลือดที่สร้างความทรมานแก่ผู้ป่วยเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อนี่เป็นหนึ่งในโรคทางพันธุกรรมที่ไม่มีทางรักษา แต่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปเมื่อแนวทางยีนบำบัดล่าสุด ไม่เพียงหนึ่งแต่อาจมีถึงสองวิธีที่ช่วยรักษาโรคนี้ได้ถาวร
ในอดีตมีคำกล่าวว่าโรคทางพันธุกรรมคือชะตาที่ไม่อาจเลี่ยงของผู้ป่วย ด้วยโรคชนิดนี้เกิดจากความผิดปกติในระดับดีเอ็นเอ ซึ่งสามารถลงลึกไปยังองค์ประกอบที่เล็กยิ่งกว่าคือความผิดปกติในระดับยีน นำไปสู่การทำงานผิดปกติของร่างกายและส่งผลกระทบต่อสุขภาพไปตลอดชีวิต
ปัญหาใหญ่ของโรคทางพันธุกรรมคือ นี่เป็นโรคที่ยากต่อการรักษาให้หายขาด แนวทางรักษาในปัจจุบันเน้นไปทางประคับประคองอาการให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นหลัก อีกทั้งตัวโรคยังสามารถส่งต่อไปผ่านรหัสพันธุกรรมของผู้ป่วยสู่ลูกหลาน นี่จึงเป็นโรคที่สร้างปัญหาให้แก่ใครหลายคนจนปัจจุบัน
ล่าสุดเริ่มมีความพยายามในการพัฒนาแนวทางรักษาโรคทางพันธุกรรมมากขึ้น ล่าสุดเริ่มมีแนวทางรักษาโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียวขึ้นมา แต่ก่อนอื่นคงต้องลงรายละเอียดของโรคกันเสียหน่อย
โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว หนึ่งในโรคเลือดร้ายแรง
โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว คือ ความผิดปกติทางพันธุกรรมทำให้เม็ดเลือดแดงที่ร่างกายสร้างขึ้นไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้เม็ดเลือดแดงในร่างกายบิดเบี้ยวผิดรูปจนไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ทำให้เม็ดเลือดแดงอายุสั้นและไม่แข็งแรง ส่งผลให้ผู้ป่วยมักเกิดอาการโลหิตจางเป็นประจำ
อาการของโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ ทั้งในด้านระดับความรุนแรง รูปแบบ ไปจนความเรื้อรังของอาการ ตั้งแต่ตาเหลือง, ตัวเหลือง, เหนื่อยล้า, อ่อนเพลีย, บวมบริเวณมือเท้า รวมถึงอาการโลหิตจางจากความไม่แข็งแรงของเซลล์ แต่ในระยะยาวอาจนำไปสู่ผลกระทบอันตรายอื่นๆ ได้เช่นกัน
เมื่อเซลล์เม็ดเลือดแดงผิดปกติเกิดการสะสมมากขึ้นอาจนำไปสู่การอุดตันของหลอดเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดถูกปิดกั้น นำไปสู่อวัยวะขาดออกซิเจน จนทำให้เกิดอาการเจ็บปวดแก่ส่วนต่างๆ อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดอาการตับวาย, การติดเชื้อ, ความดันในปอดสูง ไปจนเลือดออกในสมองต่อไป
ร้ายแรงกว่านั้นคือปัจจุบันการรับมือโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว โดยมากทำได้เพียงการรักษาตามอาการ เช่น การเปลี่ยนถ่ายเลือดรับมือโลหิตจาง จ่ายยาแก้ปวดหรือฆ่าเชื้อเพื่อรับมือโรคแทรกซ้อน และดูแลรักษาสุขภาพเป็นหลัก แต่ไม่สามารถป้องกันได้และจะส่งต่อสู่ลูกหลานผ่านพันธุกรรมของผู้ป่วยต่อไป
แนวทางรักษาที่ได้รับการพูดถึงในปัจจุบันคือ การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ หรือ การปลูกถ่ายไขสันหลัง แก่ผู้ป่วย แต่แนวทางรักษานี้มีความซับซ้อนที่อาจทำให้ผู้ป่วยได้รับอันตราย การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จำเป็นต้องเก็บเซลล์นี้ไว้ตั้งแต่แรกเกิด ในขณะที่การปลูกถ่ายไขสันหลังก็เสี่ยงทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนมากมาย
แต่ทุกอย่างอาจเปลี่ยนไปเมื่อมีการคิดค้นการรักษาแบบใหม่ผ่านแนวทางยีนบำบัด
Casgevy แนวทางยีนบำบัดรักษาโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว
ผลงานนี้เป็นของทีมวิจัยจาก Vertex Pharmaceuticals และ CRISPR Therapeutics กับการนำเอานวัตกรรมทางการแพทย์อย่าง CRISPR-Cas9 หรือเทคโนโลยีดัดแปลงพันธุกรรม ได้รับความนิยมอย่างยิ่งสำหรับการรักษาในระบบยีนบำบัด รวมไปถึงการใช้งานในภาคเกษตรกรรมต่างๆ มาใช้ในการรักษา
รูปแบบการทำงานของ CRISPR-Cas9 อาศัยการระบุเป้าหมายภายในรหัสพันธุกรรม จากนั้นจะเข้าไปทำการตัดหรือสร้างความเสียหายให้แก่ยีนที่กำหนดเพื่อยับยั้งการทำงาน เมื่อยีนเป้าหมายเกิดความเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ ก็ถือว่าการตัดต่อพันธุกรรมประสบผลสำเร็จ
ในกรณีการรักษาโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียวนี้ พวกเขานำ CRISPR มาใช้ในการรักษาแล้วทำการตั้งชื่อว่า Casgevy พวกเขาได้ทำการรักษาผู้ป่วยที่ยังคงเป็นทารกในครรภ์ เข้าไปทำการแก้ไขและปรับเปลี่ยนเซลล์ผลิตเม็ดเลือดแดงนับแต่ยังเป็นตัวอ่อน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงปกติได้เอง ลดผลกระทบของโรคที่จะเกิดกับร่างกาย
จากการเก็บข้อมูลเป็นระยะเวลา 2 ปีภายหลังการรักษาพบว่า ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วย Casgevy กว่า 93.5% สามารถหลีกเลี่ยงการอุดตันของหลอดเลือดเป็นเวลา 12 เดือนติดต่อกัน โดยมีผลข้างเคียงเกิดกับผู้ป่วยเล็กน้อยเพียงมีแผลในปาก, ปวดกล้ามเนื้อ, ปวดกระดูก, ปวดท้อง, ปวดศีรษะ ไปจนเกล็ดเลือดและเม็ดเลือดขาวต่ำเท่านั้น
นอกจาก Casgevy แล้วยังมีอีกแนวทางที่ถูกใช้ในการรักษาโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียวได้เช่นกัน
Lyfgenia อีกหนึ่งตัวเลือกการรักษาที่ใช้ประโยชน์จากไวรัส
ผลงานนี้เป็นของทีมวิจัยจาก Bluebird Bio โดยการรักษาแบบ Lyfgenia อาศัยเทคโนโลยี ไวรัสเวคเตอร์ สกัดเอาส่วนหนึ่งของไวรัสที่ถูกดัดแปลงมาใช้ประโยชน์ต่อ หลายท่านอาจคุ้นเคยกับแนวทางนี้ในรูปแบบวัคซีนโควิด เพราะนี่เป็นแนวทางที่ใช้กับวัคซีนหลายชนิดทั้ง AstraZeneca, Johnson&Johnson และ SputnikV
ไวรัสที่นำมาใช้ประโยชน์ในครั้งนี้คือ เชื้อ HIV ที่ทำให้เกิดความบกพร่องระดับภูมิคุ้มกัน เป็นเชื้อที่ได้รับการดัดแปลงโดยเฉพาะให้ไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายจะส่งตรงเข้าสู่เซลล์ต้นกำเนิดร่างกาย โดยจะเข้าไปกระตุ้นยีนเพื่อให้ผลิต HbAT87Q ซึ่งทำหน้าที่ใกล้เคียงกับฮีโมโกลบินของคนทั่วไป ช่วยลดโอกาสในการเกิดเซลล์เม็ดเลือดแดงรูปเคียวซึ่งเป็นต้นตอของโรค
ในขั้นตอนเก็บข้อมูลหลังทำการรักษาพบว่า Lyfgenia สามารถช่วยให้ผู้ป่วยโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียวกว่า 88% ไม่เกิดอาการอุดตันของหลอดเลือดอย่างสมบูรณ์ของผู้ป่วยในระหว่าง 6 – 18 เดือน แต่มีผลข้างเคียงค่อนข้างรุนแรงในผู้ป่วยบางรายคือ ทำให้เกิดมะเร็งเม็ดเลือดได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามสิ่งที่การรักษาทั้ง Casgevy และ Lyfgenia เหมือนกันคือ สามารถใช้ในการรักษาโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียวได้โดยการให้ยาเพียงครั้งเดียว แม้ปัจจุบันผลการทดสอบอาจยังไม่น่าพอใจนักและมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกในการรักษาโรคทางพันธุกรรมที่เคยถูกขนานนามว่าไม่มีทางรักษาได้
นอกจากนี้นี่ไม่ใช่แนวทางรักษาที่ได้รับการพูดถึงเพียงในการวิจัยหรือทดลอง แต่ผ่านการรับรองจากองค์กรหลายแห่งตั้งแต่ Priority Review, Orphan Drug, Fast Track, Regenerative Medicine Advanced Therapy รวมถึง FDA ของสหรัฐฯเองก็อนุมัติการรักษาแนวทางนี้แล้วเช่นกัน
แต่นี่ถือเป็นโอกาสและความหวังสำหรับผู้ป่วยโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียวที่อาจช่วยให้พวกเขาหายขาดอย่างแท้จริง
แน่นอนการรักษาทั้งสองวิธีอย่าง Casgevy และ Lyfgenia ยังต้องได้รับการพัฒนาในหลายด้าน ทั้งเพิ่มผลลัพธ์การรักษาและลดผลข้างเคียง อีกทั้งโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียวยังเป็นโรคหายากมีอัตราการเกิดและพบในประเทศไทยได้น้อยมาก กลุ่มเสี่ยงมักเป็นคนที่มีเสื้อสายแอฟริกันเป็นหลัก หลายท่านจึงอาจรู้สึกว่าการค้นพบนี้ไม่น่าสนใจนัก
แต่หากการรักษานี้ประสบความสำเร็จ ในอนาคตยีนบำบัดอาจไม่ได้จำกัดการรักษาแค่กับโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียวเท่านั้น แต่โรคทางพันธุกรรมอื่นๆ เช่น ธาลัสซีเมีย, ดาวน์ซินโดรม, ตาบอดสี ไปจนฮีโมฟีเลีย ก็อาจสามารถรักษาให้หายขาดเป็นลำดับต่อไป
ที่เหลือคงต้องรอดูต่อไปว่าในอนาคตการใช้ยีนบำบัดจะช่วยแก้ไขโรคทางพันธุกรรมได้แค่ไหน
ที่มา
https://www.thaipbs.or.th/news/content/330933
https://www.pobpad.com/Sickle+Cell+Disease
https://newatlas.com/medical/fda-approves-first-gene-therapies-crispr-sickle-cell-disease/


