คริสตจักรในสหรัฐฯ สวนแนวทางโป๊ปฟรานซิสหลังวอนโลกเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

พระสมณสาส์นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) โดยทันที และเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ก่อมลพิษสูงต้องถูกแทนที่ด้วยแหล่งพลังงานอื่น ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมา สำนักวาติกันพยายามผลักดันคริสตจักรคาทอลิกหลายครั้งให้ลงเลิกทุนในกลุ่มธุรกิจดังกล่าว

คริสตจักรคาทอลิกในกว่า 50 ประเทศได้ถอนการลงทุนจากธุรกิจเชื้อเพลิงฟอสซิลนับตั้งแต่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเผยแพร่พระสมณสาสน์ในปี 2015 ซึ่งรวมถึงสังฆมณฑลในสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และเยอรมนี ยกเว้นสังฆมณฑลในสหรัฐอเมริกา

สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ที่สุดของโลก และประชากร 1 ใน 4 นับถือศาสนาคริสต์ ยังไม่มีเขตการปกครองของคริสตจักรหรือสังฆมณฑลใดที่ประกาศว่าจะเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

ตามการตรวจสอบของสำนักข่าว Reuters  เขตการปกครองของคริสตจักรในสหรัฐฯ  ถือหุ้นหลายล้านดอลลาร์ในกลุ่มธุรกิจเชื้อเพลิงฟอสซิลผ่านพอร์ตการลงทุนที่มีไว้เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคริสตจักร ขณะที่มีสังฆมณฑลอย่างน้อย 10 แห่งที่ให้บริษัทน้ำมันเช่าที่ดินเพื่อขุดเจาะ ขณะที่อัครสังฆมณฑลแห่งบอสตันถือครองหุ้นพลังงานมากกว่า 6 ล้านดอลลาร์

การประชุมพระสังฆราชคาทอลิกแห่งสหรัฐอเมริกา (USCCB) ให้ความเห็นว่า การลงทุนของของคริสตจักรเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมได้รับการปรับปรุงแล้วในปี 2021 เพื่อให้สอดคล้องกับพระสมณสาสน์ของสมเด็จพระสันตะปาปา พร้อมยืนยันว่าการถอนการลงทุนในภาคธุรกิจเชื้อเพลิงฟอสซิล ไม่ใช่เรื่องต้องห้าม

ขณะที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสมีกำหนดการเข้าร่วมการประชุม COP28 ณ กรุงดูไบสัปดาห์นี้ แต่ต้องยกเลิกภารกิจดังกล่าวอย่างกระทันหันจากสาเหตุด้านสุขภาพ โดยทางวาติกันกำลังพิจารณาว่าจะให้เจ้าหน้าที่อาวุโสเป็นตัวแทนอ่านคำกล่าวสุนทรพจน์แทน หรือจะใช้วิดีโอเพื่อถ่ายทอดสาสน์จากสมเด็จพระสันตะปาปาโดยตรง

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในธุรกิจเชื้อเพลิงฟอสซิลของเขตการปกครองของคริสตจักรในสหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดที่ไม่ลงรอยกันต่อวิธีรับมือกับภาวะโลกร้อนระหว่างสังฆมณฑลในสหรัฐฯ  และสมเด็จพระสันตะปาปา