posttoday

ประธาน COP 28 ร้องเพิ่มกำลังผลิตพลังงานหมุนเวียนขึ้น 3 เท่า

31 ตุลาคม 2566

ประธาน COP28 พร้อมองค์กรพลังงานหมุนเวียน เรียกร้องทางการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนขึ้น 3 เท่า ภายในปี 2030 เพื่อคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

ประเทศต่างๆ ล้วนหวังบรรลุข้อตกลงในการเจรจาเรื่องสภาพภูมิอากาศในการประชุม COP 28 ที่จะเกิดขึ้นในนครดูไบช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การอุดช่องโหว่ของข้อตกลงปารีสปี 2015 ที่กำหนดแนวทางจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในฐานะประธาน COP28 พร้อมด้วยองค์การพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ (International Renewable Energy Agency : IRENA) และ Global Renewables Alliance กล่าวว่า ภายในปี 2030 กำลังการผลิตพลังงานทดแทนต้องเพิ่มขึ้นมากกว่า 11,000 GW รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเป็นสองเท่า กำหนดกรอบเวลาให้ชัดเจนและเข้มงวด สร้างแรงจูงใจทางการเงิน และควรมีแคมเปญเพื่อสร้างการตระหนักรู้

ขณะที่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก พร้อมดำเนินแนวทางเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ส่วนกลุ่มประเทศ G20 ซึ่งรวมถึงจีน สหรัฐอเมริกา และอินเดีย ได้ตกลงกันในเดือนกันยายนว่าจะพยายามเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานทดแทนทั่วโลกขึ้น 3 เท่าให้ได้ ภายในปี 2030

หากแนวทางดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ยังขาดความชัดเจน และดำเนินไปอย่างเชื่องช้า นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าอุณหภูมิโลกจะเพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ส่งผลให้วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ Climate change ยิ่งเลวร้าย ทวีความรุนแรงต่อการใช้ชีวิตของคน และสัตว์ รวมถึงระบบนิเวศต่างๆ

อย่างไรก็ตาม การทำข้อตกลงระหว่างประเทศในการประชุม COP28 นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยประเทศที่เข้าร่วมกว่า 200 ประเทศ และสหภาพยุโรปแย้งว่าแค่เพิ่มอัตราการผลิตพลังงานหมุนเวียนนั้นยังไม่เพียงพอ ขณะที่บางประเทศยังยืนกรานที่จะใช้พลังงานถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งมีราคาถูกกว่า แต่ส่งผลร้ายต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ข้อตกลงด้านพลังงานหมุนเวียนในการประชุม COP28 ต้องมาพร้อมความมุ่งมั่นที่จะยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งที่ผ่านมาซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย และประเทศเศรษฐกิจอื่นๆที่พึ่งพาเชื้อเพลิงชนิดนี้ ได้แสดงจุดยืนต่อต้านแนวทางยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม สุลต่าน อัล-จาเบอร์ ประธาน COP28 ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสภานิติบัญญัติของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปมาโดยตลอด เนื่องจากตัวเขาเองเป็นผู้บริหารบริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี (Abu Dhabi National Oil Company: ADNOC) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์