posttoday

อุตสาหกรรมโซลาร์เซลล์ยุโรปชี้ เก็บภาษีนำเข้าไม่แก้ปัญหาสินค้าจีนทะลัก

02 ตุลาคม 2566

อุตสาหกรรมพลังงานด้านแสงอาทิตย์ของยุโรปชี้การเก็บภาษีนำเข้าไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด ท่ามกลางความกังวลว่าการนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จากจีนจะทำให้ยุโรปไม่สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดได้ตามเป้า

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่รัฐบาลบรัสเซลส์และยุโรปกำลังพิจารณามาตรการนำเข้าที่เข้มงวดมากขึ้น จากความพยายามเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดในยุโรปและลดการพึ่งพาผลิตภัณฑ์จากจีนลงสำหรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

ในเดือนนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปได้เริ่มการสอบสวนที่อาจส่งผลให้มีการเก็บภาษีนำเข้าเพื่อปกป้องกลุ่มผู้ผลิตในสหภาพยุโรปจากการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกของจีน เช่นเดียวกับทางด้านเยอรมนีที่กำลังพิจารณาทางเลือกต่างๆ ซึ่งรวมถึงการป้องกันทางการค้าเพื่อปกป้องผู้ผลิตโซลาร์เซลล์ในประเทศ ที่เผชิญกับการถูกกดราคา จากอุปทานที่ล้นตลาดเมื่อมีการนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จากจีน

อย่างไรก็ตาม Gunter Erfurt ผู้อำนวยการคณะกรรมการกลุ่มอุตสาหกรรม SolarPower Europe ให้ความเห็นว่า การเก็บภาษีนำเข้าไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมด้านพลังงานแสงอาทิตย์ของยุโรป

“เราต้องสร้างแรงจูงใจให้มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่ผลิตจากยุโรป วิธีนี้จะช่วยให้อุตสาหกรรมด้านพลังงานแสงอาทิตย์ดำเนินต่อไปได้และเติบโตอย่างต่อเนื่อง แทนการคว่ำบาตรทั้งอุตสาหกรรมด้วยการเรียกเก็บภาษี”

ในแถลงการณ์ของ SolarPower Europe ระบุว่า อุปสรรคทางการค้าของอุตสาหกรรมด้านพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นสถานการณ์ความขัดแย้งที่ทุกฝ่ายไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ตนต้องการได้ทั้งหมด 

ตามที่คณะกรรมาธิการยุโรประบุ ปัจจุบัน ชิ้นส่วนแผงโซลาร์เซลล์ในยุโรปมากกว่า 90% ได้จากการนำเข้าจากจีน

ช่วงต้นปีที่ผ่านมาราคาของแผงโซลาร์ลดลงจาก 0.24 ยูโรต่อวัตต์มาอยู่ที่ 0.15 ยูโรต่อวัตต์จากอุปทานที่ล้นตลาดเมื่อมีการนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จากจีน ขณะที่ผู้ผลิตในยุโรปตั้งราคาไว้ที่ 0.30 ยูโร

ขณะที่ Marius Mordal Bakke นักวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทานด้านพลังงานแสงอาทิตย์ของ Rystad Energy กล่าวว่าขณะนี้แผงโซลาร์เซลล์ประมาณ 40 กิกะวัตต์ถูกเก็บไว้ในคลังสินค้าในยุโรป ซึ่งเป็นจำนวนที่มากเกินกว่าจะติดตั้งได้จริงในภูมิภาคนี้

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมด้านพลังงานแสงอาทิตย์ยังมีข้อกังวลว่าการจำกัดการนำเข้าสินค้าจากจีน จะทำให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนช่วงปี 2013-2018 ซึ่งเป็นช่วงที่การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในยุโรปลดลง ที่มีความสอดคล้องกับข้อจำกัดของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์