ชนกลุ่มน้อยอาร์เมเนียเร่งอพยพ หลังอาร์เซอร์ไบจันเปิดฉากโจมตี

ผู้นำภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัค (Nagorno-Karabakh) บอกกับรอยเตอร์ว่า ชาวอาร์เมเนียกว่า 120,000 คนในภูมิภาคนี้ ต้องเร่งอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากไม่ต้องการตกเป็นส่วนหนึ่งของอาเซอร์ไบจาน เพราะมีความกังวลว่าอาจถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยบางส่วนเลือกที่จะหลบหนีออกจากพื้นที่นี้ด้วยรถยนต์ส่วนตัว

ขณะที่ทางการอาร์เมเนียระบุว่า มีผู้อพยพจากนากอร์โน-คารับคาห์ราว  1,050 คน ที่ได้ข้ามพรมแดนเข้าสู่อาร์เมเนียแล้วในวันอาทิตย์ เวลา 22.00 น. (18.00 GMT) 

คาราบาคห์ เป็นดินแดนที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติว่าเป็นส่วนหนึ่งของอาเซอร์ไบจาน แม้พื้นที่บางส่วนจะถูกแย่งออกมายู่ภายใต้การปกครองของกองกำลังแบ่งแยกดินแดนอาร์เมเนีย อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กลุ่มแบ่งแยกดินแดนยอมจำนนและให้ความตกลงว่าจะหยุดยิง หลังกองทัพอาเซอร์ไบจานปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ดังกล่าวนานกว่า 24  ชั่วโมง

หลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย ในรอบ 30 ปี ภูมิภาคนี้เคยตกเป็นสมรภูมิการสู้รบระหว่างอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานมาแล้ว 2 ครั้ง โดยในปี 2020 อาเซอร์ไบจานได้ยึดคืนพื้นที่รอบนากอร์โน-คาราบาคห์หลังมีข้อพิพาทกันนานกว่า 6 สัปดาห์

แม้อาเซอร์ไบจานจะให้คำรับรองว่าจะคุ้มครองสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์อาร์เมเนียภายใต้รัฐธรรมนูญของประเทศ แต่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างดังกล่าว

ผู้นำอาร์เมเนียที่อยู่ในภูมิภาคคาราบาคห์กล่าวว่า ประชาชนที่ต้องกลายเป็นคนไร้บ้านหลังอาเซอร์ไบจันเริ่มปฏิบัติการทางทหาร ต้องการออกจากพื้นที่นี้ให้เร็วที่สุดซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพของรัสเซียจะเป็นคนช่วยนำตัวออกจากพื้นที่

ปฏิบัติการทางทหารของอาเซอร์ไบจานได้รับการสนับสนุนจากตุรกี ซึ่งมีกำลังพลมากกว่ากลุ่มแบ่งแยกดินแดน ขณะที่ทางด้านนายกรัฐมนตรีแห่งอาร์เมเนีย Nikol Pashinyan ต้องเผชิญกับเสียงวิพากวิจารณ์ที่เรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากล้มเหลวในการปกป้องภูมิภาคคาราบาคห์ 

ทั้งนี้ จากปฏิบัติการทางทหารของอาเซอร์ไบจัน มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 200 รายและบาดเจ็บ 400 ราย