แผ่นดินไหวโมร็อกโก คร่าชีวิตผู้คนกว่า 1,300 ราย อาคารบ้านเรือนพังยับ
ผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวในโมร็อกโกรวมตัวกันในที่โล่งบนเทือกเขาไฮแอตลาสเมื่อวันเสาร์ หนึ่งวันหลังจากแผ่นดินไหวที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรอบกว่า 6 ทศวรรษ คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 1,300 ราย และสร้างความเสียหายให้กับหมู่บ้านต่างๆ
เพื่อนบ้านยังคงค้นหาผู้รอดชีวิตที่ถูกฝังอยู่บนเนินเขา ซึ่งบ้านเรือนที่สร้างด้วยอิฐโคลน หิน และไม้หยาบๆ ถูกเปิดออก และหออะซานของมัสยิดก็พังทลายลงด้วยแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วงดึกของวันศุกร์ มาร์ราเกชเมืองเก่าทางประวัติศาสตร์ก็ได้รับความเสียหายอย่างกว้างขวางเช่นกัน
กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 1,305 รายและบาดเจ็บ 1,832 รายจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ ซึ่งวัดโดยสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ ที่ความรุนแรงระดับ 6.8 โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองมาร์ราเกชไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 72 กิโลเมตร
ในหมู่บ้านอามิซมิซ ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว เจ้าหน้าที่กู้ภัยรื้อเศษซากปรักหักพังด้วยมือเปล่า อิฐล้มขวางถนนแคบๆ ด้านนอกโรงพยาบาล มีศพประมาณ 10 ศพนอนอยู่ในผ้าห่ม โดยมีญาติผู้โศกเศร้ายืนอยู่ใกล้ๆ
บ้านเรือนเกือบทั้งหมดในพื้นที่อัสนี ซึ่งอยู่ห่างจากมาร์ราเกชไปทางใต้ประมาณ 40 กม. ได้รับความเสียหายและชาวบ้านกำลังเตรียมที่จะออกไปค้างคืนข้างนอก อาหารขาดแคลนเนื่องจากหลังคาถล่มบ้านเสียหายทั้งหลัง
มอนตาซีร์ อิตรี ชาวเมืองอัสนี กล่าวว่าการค้นหาผู้รอดชีวิตยังดำเนินอยู่
“เพื่อนบ้านของเราอยู่ใต้ซากปรักหักพัง และผู้คนกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือพวกเขาโดยใช้เครื่องมือที่มีอยู่ในชุมชน” เขากล่าว
ภาพจากกล้องวงจรปิเข้างถนนในเมืองมาร์ราเกชแสดงให้เห็นช่วงเวลาที่โลกเริ่มสั่นสะเทือน จู่ๆ ผู้คนก็มองไปรอบๆ และกระโดดตัวลอย ส่วนคนอื่นๆ ก็วิ่งหาที่กำบังในตรอกแล้วหนีไปพร้อมกับฝุ่นและเศษซากที่ร่วงหล่นรอบตัวพวกเขา
ในใจกลางเมืองเก่า ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกของ UNESCO มีชิ้นส่วนมัสยิดหล่นลงมาในจัตุรัส Jemaa al-Fna บ้านบางหลังในเมืองเก่าที่อัดแน่นอยู่พังทลายลงมา และผู้คนใช้มือกำจัดเศษซากในขณะที่รอเครื่องจักรกลหนัก
โมร็อกโกประกาศไว้ทุกข์ทั่วประเทศเป็นเวลา 3 วัน โดยในระหว่างนั้นจะมีการเชิญธงชาติลงครึ่งหนึ่งในสถานถานที่ราชการทั่วประเทศ
กองทัพโมร็อกโกจะจัดทีมกู้ภัยเพื่อจัดหาน้ำดื่มสะอาด อาหาร เต็นท์ และผ้าห่มให้แก่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
ตุรกี ซึ่งแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 50,000 คน เป็นหนึ่งในประเทศที่แสดงความเสียใจและเสนอที่จะให้ความช่วยเหลือ
แอลจีเรีย ซึ่งตัดสัมพันธ์กับโมร็อกโกในปี 2564 หลังจากเกิดความตึงเครียดระหว่างสองประเทศจากความขัดแย้งในดินแดนซาฮาราตะวันตก กล่าวว่า แอลจีเรียจะเปิดน่านฟ้าสำหรับเที่ยวบินด้านมนุษยธรรมและการแพทย์
แผ่นดินไหวดังกล่าวถูกบันทึกไว้ที่ความลึก 18.5 กิโลเมตร ซึ่งมีความรุนแรงมากกว่าแผ่นดินไหวระดับลึกที่มีขนาดเท่ากันโดยทั่วไป นับเป็นแผ่นดินไหวที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโมร็อกโกนับตั้งแต่ปี 1960 ซึ่งแผ่นดินไหวครั้งนี้คาดว่าจะคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 12,000 ราย ตามรายงานของสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ


