กลุ่มชนพื้นเมืองออสเตรเลีย เข้าถือหุ้นธุรกิจพลังงานหมุนเวียน
กลุ่มชนพื้นเมืองของออสเตรเลียเข้าถือหุ้นในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนที่กำลังเติบโต ซึ่งเป็นความพยายามที่จะปกป้องผลประโยชน์ของชุมชน ป้องกันการบุกรุก และได้รับกำไรส่วนแบ่งมากขึ้นจากสิ่งที่สร้างขึ้นบนที่ดินของพวกเขา
จนถึงปัจจุบัน กลุ่มชาวอะบอริจิน ชนพื้นเมืองของออสเตรเลีย ยังมีส่วนร่วมที่ค่อนข้างจำกัด ในโครงการขนาดใหญ่ที่แผ่ขยายไปทั่วดินแดนของชนพื้นเมือง ซึ่งบางครั้งได้บ่อนทำลายภูมิทัศน์ดั้งเดิมดังที่เห็นได้จากการที่บริษัท Rio Tinto รื้อถอนหินศักดิ์สิทธิ์ของชนพื้นเมืองเมื่อสามปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มชนพื้นเมืองได้ทำข้อตกลงด้านพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะช่วยทำให้พวกเขากลายเป็นผู้ถือหุ้น กับพันธมิตรทางธุรกิจที่เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของพวกเขาผ่านการพัฒนาโครงการ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการจัดทำข้อตกลงที่คล้ายกันในอุตสาหกรรมทรัพยากรของแคนาดา
โครงการพลังงานหมุนเวียน East Kimberley Clean Energy มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (2.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จะมีการแบ่งส่วนที่เท่ากันในทุกๆฝ่าย ระหว่างองค์กร MG Corporation ซึ่งเป็นตัวแทนของชาว Miriuwung และ Gajerrong, องค์กร Balanggarra Aboriginal Corporation, องค์กรด้านสิทธิที่ดิน Kimberley Land Council และบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Pollination
จากนั้นพันธมิตรจะเดินหน้าหานักลงทุนรายใหญ่เพื่อเข้าร่วมโครงการไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเดือนกรกฎาคมปีหน้า โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะช่วยลดภาระทางการเงินของผู้ถือหุ้นเดิมได้เป็นอย่างมาก
ขณะที่ทางด้านบริษัท Yindjibarndi Aboriginal Corporation ของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียได้ทำข้อตกลงกับ ACEN Corp ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของฟิลิปปินส์เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อพัฒนาพลังงานหมุนเวียนให้สูงถึง 3 กิกะวัตต์ ทำให้บริษัทจากชนพื้นเมืองมีสัดส่วนการถือหุ้น 25% ถึง 50% ในโครงการที่พัฒนาบนที่ดินกรรมสิทธิ์ของพวกเขา
โดยปกติแล้ว บริษัทเหมืองแร่และพลังงานขนาดใหญ่จะจ่ายค่าสิทธิการใช้ที่ดินให้กับเจ้าของดินที่เป็นชาวพื้นเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการใช้ที่ดินที่ควบคุมวิธีการดำเนินงานบนที่ดินของชนพื้นเมือง รวมถึงสร้างโอกาสในการจ้างงานและสัญญาบริการต่างๆ
อย่างไรก็ตาม Tyronne Garstone ชายชาว Bardi ให้ความเห็นว่า กลุ่มชนพื้นเมืองได้รับคำสัญญามากมายจากทั้งบริษัทเหมืองและพลังงาน ทั้งเรื่องการจ่ายค่าสิทธิการใช้ที่ดิน หรือโอกาสการจ้างงาน แต่ผลที่ได้กลับไม่เคยเป็นรูปธรรม ซึ่งวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดเพื่อเป็นหลักประกันสิทธิประโยชน์ของชนพื้นเมืองในขณะนี้ คือให้กลุ่มชนพื้นเมืองมีส่วนวร่วมในการถือหุ้น


