posttoday

IEA ชี้ พลังงานสะอาดดูดเม็ดเงินลงทุน แซงหน้าธุรกิจน้ำมัน

28 พฤษภาคม 2566

ตามรายงานของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ในปี 2023 โครงการพลังงานแสงอาทิตย์จะเติบโตเร็วกว่าการลงทุนในภาคการผลิตน้ำมัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่การลงทุนในภาคพลังงานสะอาดเติบโตแซงหน้าการลงทุนในภาคพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล

ตามรายงานการลงทุนด้านพลังงานทั่วโลก (World Energy Investment report) ตั้งแต่ปี 2021  การลงทุนในพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ใน 4 ขณะที่การลงทุนการลงทุนในพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลเพิ่มขึ้น 15% โดยเม็ดเงินลงทุนในภาคพลังงานสะอาดกว่า 90% มาจากจีนและประเทศเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว

ด้าน Fatih Birol ผู้อำนวยการบริหารของ IEA กล่าวว่า "พลังงานสะอาดกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเร็วกว่าที่หลายๆ คนจะคาดคิด ตอนนี้อัตราการลงทุนระหว่างภาคพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลและพลังงานสะอาดอยู่ที่อัตราส่วน 1:1 "

ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2023 ทั่วโลกจะมีการลงทุนในภาคพลังงานประมาณ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินลงทุนกว่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์จะถูกนำไปลงทุนกับพลังงานหมุนเวียน พลังงานนิวเคลียร์ รถยนต์ไฟฟ้า และการปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน ส่วนที่เหลือประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ถูกนำไปลงทุนในการสกัดน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน

แม้ว่าตัวเลขการลงทุนในภาคการผลิตน้ำมันจะยังสูงอยู่ แต่เมื่อเทียบกับตัวเลขการลงทุนทางฝั่งพลังงานหมุนเวียนสะท้อนให้เห็นว่า อุปสงค์ด้านพลังงานสะอาดทั่วโลกมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ในปี 2023 คาดว่าการลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์จะเพิ่มขึ้นเกิน 1 พันล้านดอลลาร์ต่อวันหรือประมาณ 382 ล้านดอลลาร์ต่อปี ขณะที่การลงทุนในภาคการผลิตน้ำมันจะอยู่ที่ 371 ล้านดอลลาร์

Dave Jones หัวหน้าฝ่ายข้อมูลเชิงลึกของ Ember ให้ความเห็นว่า “นี่เป็นเครื่องตอกย้ำว่าพลังงานจากแสงอาทิตย์เป็นสุดยอดพลังงาน ทั้งยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างรวดเร็ว แต่เรื่องน่าขันคือบางพื้นที่บนโลกที่แดดจ้า กลับมีการลงทุนในพลังงานแสงอาทิตย์น้อยที่สุดในโลก”

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน OPEC แย้งว่า การที่ IEA เรียกร้องให้หยุดลงทุนในภาคการผลิตน้ำมัน เป็นการทำลายความมั่นคงด้านพลังงานทั่วโลก ขณะที่นักวิทยาศาสตร์และนักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมชี้ว่าอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลทำให้ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรงขึ้น