G7 เห็นด้วยกับระบบการเงินโลกที่ยืดหยุ่นได้ แต่ยังต้องการการเฝ้าระวัง

เจ้าหน้าที่ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่าจะแก้ไขช่องว่างด้านกฎระเบียบในระบบธนาคารที่ค้นพบล่าสุดระหว่างปัญหาที่ธนาคารสหรัฐและสวิส และกล่าวว่าพวกเขาจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานกำกับดูแลและกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามการพัฒนาภาคการเงิน

"เราขอยืนยันว่าระบบการเงินของเรามีความยืดหยุ่น โดยได้รับการสนับสนุนจากการปฏิรูปกฎระเบียบทางการเงินที่ดำเนินการหลังวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 รวมถึงการเพิ่มขึ้นของระดับเงินทุนและสภาพคล่องของธนาคาร กรอบการทำงานระหว่างประเทศสำหรับการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินที่มีปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ และการเสริมสร้าง ความร่วมมือด้านกฎระเบียบและการกำกับดูแลระหว่างประเทศที่ดีขึ้น”

เจเรมี ฮันต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอังกฤษกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หัวหน้าฝ่ายการเงินของ G7 ในญี่ปุ่น "มีการหารืออย่างตรงไปตรงมาและเปิดกว้าง" เกี่ยวกับความท้าทายที่พวกเขาเผชิญ รวมถึงกฎระเบียบด้านการธนาคาร

เขากล่าวว่าสหราชอาณาจักรเชื่อว่าโครงสร้างการกำกับดูแลทำงานได้ตามที่ตั้งใจไว้และป้องกันปัญหาได้มาก แต่มีบทเรียนที่ชัดเจนที่ต้องเรียนรู้ รวมถึงวิธีที่การถ่ายโอนทางดิจิทัล โดยเฉพาึการเร่งความเร็วของการถอนเงินฝากอย่างรวดเร็ว

เขายกย่องการทำงานอย่างรวดเร็วของสหราชอาณาจักรเพื่ออำนวยความสะดวกในการขายธนาคาร Silicon Valley Bank ในสหราชอาณาจักรให้กับ HSBC ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่คุ้มครองเงินฝากโดยไม่ต้องใช้เงินของผู้เสียภาษีซึ่งเป็นความสำเร็จด้านกฎระเบียบ

แต่เขากล่าวว่าอังกฤษกำลังทบทวนโครงสร้างทางกฎหมายและระเบียบข้อบังคับเพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนสามารถเข้าถึงเงินฝากของตนได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในระหว่างเหตุการณ์ต่างๆ ในอนาคต

ฮันท์กล่าวว่าอังกฤษกำลังคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับจำนวนบริษัทที่มีการเติบโตสูงที่กระจุกตัวอยู่เป็นลูกค้าของธนาคารอเมริกันแห่งเดียว และตระหนักว่าทางเลือกทางการเงินสำหรับภาคส่วนดังกล่าวควรมีความหลากหลายมากขึ้น

“เรากำลังพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่าง รวมถึงการปฏิรูปกองทุนบำเหน็จบำนาญเพื่อดูว่าเราสามารถปลดล็อกทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับบริษัทเหล่านั้นได้หรือไม่” เขากล่าว

ซูซูกิยังกล่าวในงานแถลงข่าวถึงหัวข้อเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก แม้ว่าเขาจะปฏิเสธที่จะพูดถึงสิ่งที่รัฐมนตรีคนอื่นๆ พูดถึงเกี่ยวกับประเด็นนี้