100 ปีผ่านไป สิทธิสตรียังไม่บรรจุในรัฐธรรมนูญสหรัฐ

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐฯ ไม่ผ่านมติการยกย่องสิทธิที่เท่าเทียมกันของผู้หญิงในรัฐธรรมนูญ หนึ่งศตวรรษหลังจากมีการเสนอรับรองความเท่าเทียมทางเพศในสภาคองเกรส

ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 51 ต่อ 47 วุฒิสภาพรรคเดโมแครตและผู้สนับสนุนได้รับคะแนนเสียง 9 เสียงจาก 60 เสียงที่จำเป็นสำหรับการลงมติเพื่อขจัดอุปสรรค์ของฝ่ายค้านในสภา 100 คน

มติครั้งนี้ มีเป้าหมายจะลบล้างเส้นตายสำหรับการให้สัตยาบันของรัฐในปี 1982 ซึ่งทำให้การแก้ไขสิทธิที่เท่าเทียมกันไม่มีผลบังคับใช้ โดยมีสามรัฐ ได้แก่ เนวาดา อิลลินอยส์ และเวอร์จิเนีย ที่ให้สัตยาบันหลังจากปี 1982

Chuck Schumer ผู้นำวุฒิสมาชิกของพรรคเดโมแครตกล่าวว่า ERA มีความสำคัญมาก เนื่องจากเมื่อปีที่แล้วศาลฎีกาได้ยกเลิกสิทธิในการทำแท้งของชาติ

“ท่ามกลางความหวั่นเกรงของคนอเมริกันหลายร้อยล้านคน ผู้หญิงในอเมริกาทุกวันนี้มีสิทธิน้อยกว่าที่เคยได้รับเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว” Schumer กล่าวก่อนการลงคะแนนเสียงในวันพฤหัสบดี

กลุ่มที่ต่อต้านการทำแท้งได้โต้แย้งว่า ERA สามารถเปิดช่องทางให้การทำแท้งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญได้

ความล้มเหลวของการแก้ไขครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความสนใจต่อประเด็นสิทธิสตรีในการรณรงค์หาเสียงในทำเนียบขาวในปี 2567

การลงมติเมื่อวันพฤหัสบดีจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากพรรครีพับลิกันเก้าคนในวุฒิสภา ซึ่งพรรคเดโมแครตถือเสียงข้างมากเพียง 51-49 เสียง มีเพียงวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันสองคนคือ Lisa Murkowski จาก Alaska และ Susan Collins จาก Maine เท่านั้นที่เข้าร่วมกับพรรคเดโมแครตในการลงคะแนนเสียงสำหรับมาตรการนี้

ERA ถูกเสนอในปี 1923 แต่ไม่ผ่านรัฐสภาจนถึงปี 1972 ภายใต้กฎหมายของสหรัฐอเมริกา การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องได้รับการให้สัตยาบันโดยสภานิติบัญญัติของรัฐ 3 ใน 4 หรือ 38 จากทั้งหมด 50 และไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากประธานาธิบดี

ศาลแขวงสหรัฐตัดสินในปี 2564 ว่าการให้สัตยาบันหลังกำหนดเวลาไม่สามารถนับรวมได้ และศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางในเดือนกุมภาพันธ์ปฏิเสธการเรียกร้องจากรัฐอิลลินอยส์และเนวาดาสำหรับการนำ ERA มาใช้

ฝ่ายบริหารของทรัมป์แย้งว่าการให้สัตยาบัน ERA จำเป็นต้องเริ่มต้นใหม่ แต่ฝ่ายบริหารของ Biden ได้แสดงการสนับสนุนมติดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี

ทำเนียบขาวกล่าวว่า "ถึงเวลาแล้วที่จะบัญญัติหลักการความเท่าเทียมทางเพศไว้ในรัฐธรรมนูญ" ทำเนียบขาวกล่าว

ผู้สนับสนุนการแก้ไขกล่าวว่าจะทำให้ผู้หญิงได้รับค่าจ้างที่เท่าเทียมกันและได้รับสิทธิทางกฎหมาย ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามโต้แย้งว่าอาจทำให้ผู้หญิงถูกเกณฑ์ทหารหากกฎหมายฉบับนี้ผ่าน