สหรัฐฯ ลุยติดตั้งเครื่องชาร์จ EV มุ่งดันแผนพัฒนาโครงสร้างสู่พลังงานสะอาด
รัฐบาลภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังเริ่มการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของการขับขี่ในสหรัฐฯด้วยเงินหลายพันล้านดอลลาร์ โดยหวังว่าเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะครอบคลุมทั่วทุกทางหลวงของประเทศ
รัฐบาลภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตั้งเป้า ขยายเครือข่ายเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารวมถึงเครื่องชาร์จความเร็วสูง 500,000 เครื่อง บนทางหลวงกว่า 75,000 ไมล์ทั่วสหรัฐฯ โดยจะติดตั้งในระยะห่างกันไม่เกิน 50 ไมล์ ซึ่งเครื่องชาร์จเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของนโยบายด้านสภาพอากาศของสหรัฐฯ ที่ตั้งเป้าจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 50% ภายในปี 2030 โดยรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นจะสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องชาร์จที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลางได้ และรองรับการชำระเงินทุกรูปแบบ
สำหรับเส้นทางเดินรถสาย EV ทางการได้กำหนดจุดติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าไว้ตามทางหลวงที่พลุกพล่านหลายเส้น เช่น ทางหลวงอินเตอร์สเตต 95 (I-95) จากรัฐเมนถึงฟลอริดาเป็นระยะทาง 1,924 ไมล์ ทางหลวงอินเตอร์สเตต 5 (I-5) จากวอชิงตันไปแคลิฟอร์เนีย เป็นระยะทาง1,381 ไมล์ และอินเตอร์สเตต 90 (I-90) จากบอสตันไปซีแอตเติ้ล เป็นระยะทาง 3,021 ไมล์
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจความเห็นประชากรที่รัฐต่างๆจัดทำขึ้น ประชากรส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าพวกเขาต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกเช่น ร้านทำเล็บ สถานที่สำหรับพักอาบน้ำ รวมถึงร้านอาหาร ในระหว่างรอรถชาร์จไฟจนเต็มซึ่งใช้เวลาราว 20-40 นาที
สถานที่ติดตั้งเครื่องชาร์จ ผู้ให้บริการไม่ว่าจะด้านพลังงานและการติดตั้ง รวมถึงพฤติกรรมของผู้ใช้รถใช้ถนน ล้วนมีผลต่ออนาคตและระบบสาธารณูปโภค สิ่งเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าสถานที่โดยรอบจุดติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าต้องมีการปรับปรุงทัศนียภาพโดยรอบ รวมถึงปรับรูปแบบเชิงโครงสร้าง จากเดิมที่การเติมน้ำมันแบบปกติใช้เวลาเพียง 5 นาที ผู้ใช้รถใช้ถนนจึงไม่ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก
ขณะที่รัฐไวโอมิง จะเป็นรัฐที่ไม่มีการติดตั้งเครื่องชาร์จที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลาง เนื่องจากฝ่ายบริหารมองว่าเป็นพื้นที่ชนบทเกินไป และความต้องการใช้เครื่องชาร์จในรัฐนี้มีไม่สูงนัก
การจัดสรรงบสำหรับติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในครั้งแรก ทางการต้องอัดฉีดเงินกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ จากทั้งหมด 7.5 พันล้านดอลลาร์เพื่อดำเนินงานตามนโยบาย ขณะที่บริษัทอย่าง ChargePoint Holdings, EVgo และ Tesla คาดว่าจะเปิดหน้าสู้เพื่อให้ได้รับสิทธิการติดตั้งจากรัฐบาล
ส่วนทางฝั่งผู้ว่าการจากพรรครีพับลิกัน ไม่ว่าจะเป็น Ron DeSantis จากฟลอริดา และ Greg Abbott จากเท็กซัส ต่างออกความเห็นว่าพรรคเดโมแครตใช้เงินเกินตัว แต่ถึงอย่างนั้นทั้ง 2 รัฐก็ยังยินดีที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลางในการขยายเครือข่าย EV ภายในรัฐ
ฟลอริดาแม้จะตามหลังแคลิฟอร์เนียทั้งในแง่ของรถยนต์ไฟฟ้าและเครื่องชาร์จความเร็วสูง แต่ภายใต้สถานการณ์การเติบโตในระดับปานกลาง ทางการคาดว่าพาหนะอย่างน้อย 20 % ในรัฐจะสามารถปรับมาใช้รูปแบบพลังงานไฟฟ้าได้ภายในปี 2040


