posttoday

NASA เตรียมพัฒนายานอวกาศขับเคลื่อนด้วยนิวเคลียร์

25 มกราคม 2566

NASA วางแผนที่จะทดสอบเครื่องยนต์ยานอวกาศที่ขับเคลื่อนด้วยนิวเคลียร์ฟิชชั่นภายในปี 2027 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามระยะยาวของนาซ่าที่จะแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการส่งนักบินอวกาศไปยังดาวอังคารในอนาคต

บิล เนลสัน ผู้บริหารของนาซ่ากล่าวระหว่างการประชุมที่ National Harbor, Maryland เมื่อวันอังคารว่า NASA จะร่วมมือกับหน่วยงานวิจัยและพัฒนาของกองทัพสหรัฐอเมริกา DARPA เพื่อพัฒนาเครื่องยนต์ขับเคลื่อนความร้อนนิวเคลียร์และปล่อยสู่อวกาศอย่างเร็วที่สุดในปี 2027

หน่วยงานอวกาศของสหรัฐอเมริกาได้ศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับการขับเคลื่อนความร้อนของนิวเคลียร์มาเป็นเวลาหลายทศวรรษ โดยจะนำความร้อนจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชั่นมาใช้กับสารขับเคลื่อนไฮโดรเจนเพื่อให้แรงผลักดันที่เชื่อว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่องยนต์จรวดที่ใช้สารเคมีดั้งเดิมมาก

เจ้าหน้าที่ของนาซ่ามองว่าการขับเคลื่อนความร้อนจากนิวเคลียร์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการส่งมนุษย์ออกไปไกลกว่าดวงจันทร์และลึกลงไปในอวกาศ วิศวกรกล่าวว่า การเดินทางไปดาวอังคารจากโลกโดยใช้เทคโนโลยีนี้อาจใช้เวลาประมาณสี่เดือน แทนที่จะใช้เวลาประมาณเก้าเดือนกับเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานเคมีแบบดั้งเดิม ซึ่งจะช่วยลดเวลาที่นักบินอวกาศจะได้รับรังสีจากอวกาศได้มาก และยังต้องการเสบียงอาหารและสินค้าอื่นๆ น้อยลงในระหว่างการเดินทางไปยังดาวอังคาร

รองผู้บริหารของนาซ่าและอดีตนักบินอวกาศ แพม เมลรอย กล่าวว่า

''ถ้าเรามีการเดินทางที่รวดเร็วยิ่งขึ้นสำหรับมนุษย์ จะเป็นการเดินทางที่ปลอดภัยกว่า"

การดำเนินงานตามแผนปี 2027 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย DARPA ที่มีอยู่ซึ่งนาซ่ากำลังเข้าร่วม บ่งบอกถึงความทะเยอทะยานของกองกำลังอวกาศสหรัฐฯ ซึ่งได้คาดการณ์ว่าจะใช้ยานอวกาศที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่สามารถส่งดาวเทียมอื่น ๆ ไปโคจรรอบดวงจันทร์ได้

ในปี 2021 DARPA ได้มอบเงินทุนให้กับ General Atomics, Lockheed Martin และบริษัทอวกาศ Blue Origin ของ Jeff Bezos เพื่อศึกษาการออกแบบเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์และยานอวกาศ ภายในประมาณเดือนมีนาคมนี้ หน่วยงานจะเลือกบริษัทที่จะสร้างยานอวกาศนิวเคลียร์สำหรับปฏิบัติการในปี 2027

ทาบิธา ดอดสัน ผู้จัดการของโครงการกล่าวในการสัมภาษณ์ว่า งบประมาณร่วมของ NASA-DARPA อยู่ที่ 110 ล้านดอลลาร์สำหรับปีงบประมาณ 2023  และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยล้านดอลลาร์จนถึงปี  2027