34 ปีที่รอคอย ฟ้องมือวางระเบิดโศกนาฏกรรมแพนแอม 103
ทางการสหรัฐฯเพิ่งยื่นฟ้องชายชาวลิเบีย ซึ่งคาดว่าเป็นผู้ผลิตระเบิดอันนำไปสู่โศกนาฎกรรมที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 270 รายบนเที่ยวบินแพนแอม (Pan Am) 103 เหนือน่านฟ้าเมือง Lockerbie เมืองเล็กๆในสก็อตแลนด์ที่ห่างจากชายแดนอังกฤษราว 32 กิโลเมตร
เอกสารทางกฎหมายระบุว่านายอาบู อเกลา มาซูด คีแอร์ อัล-มาริมี (Abu Agila Mohammad Mas'ud Kheir Al-Marimi) เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวางระเบิด ทั้งยังเคยเข้าร่วมหน่วยข่าวกรองขององค์กรความมั่นคงภายนอกของลิเบียในช่วงปี 1970 และมีส่วนร่วมในปฏิบัติการนอกลิเบียหลายครั้ง จนเขาสามารถไต่เต้าได้รับยศเป็นพันเอก
เหตุโจมตีเครื่องบินโบอิ้ง 747 สายการบินแพนแอม เที่ยวบินที่ 103 เกิดขึ้นในวันที่ 21 ธันวาคม 1988 หรือราว 34 ปีที่ผ่านมา เป็นเที่ยวบินที่เดินทางจากกรุงลอนดอนสู่นครนิวยอร์ก ซึ่งจากการถูกโจมตีโดยระเบิดส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตทันที 259 ราย มิหนำซ้ำเศษซากที่ถูกระเบิดยังทำให้ชาวเมืองที่อยู่ภาคพื้นเสียชีวิตอีก 11 ราย พื้นที่เกิดเหตุกินระยะไปกว่า 2,175 ตารางกิโลเมตร นับเป็นเหตุก่อการร้ายที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดบนแผ่นดินของสหราชอาณาจักร
ก่อนหน้านี้ในปี 1991 นาย Abdel Baset Ali al-Megrahi และ Lamen Khalifa Fhimah เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของลิเบียเคยถูกตั้งข้อหาว่าเป็นมือวางระเบิดมาก่อน แต่หลังจากศาลพิเศษสก็อตแลนด์ ในเนเธอร์แลนด์พิจารณาคดีแล้ว ผู้ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตมีเพียงนาย Megrahi ในความผิดฐานฆาตกรรมหมู่ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกปล่อยตัวเนื่องจากป่วยด้วยโรคมะเร็ง ก่อนจะเสียชีวิตที่ลิเบียในเวลาต่อมา
กระทั่งในปี 2020 สหรัฐฯเริ่มเผยข้อมูลการสืบสวนออกมาเรื่อยๆจนพบว่านาย Mas'ud เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดรายที่ 3 ในเหตุการณ์นี้ แถลงการณ์ของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอระบุว่าระหว่างการสอบสวน นาย Mas'ud ยอมรับว่าเขามีส่วนในแผนการสร้างระเบิดเพื่อโจมตีเที่ยวบินแพนแอม 103 ร่วมกับนาย Megrahi และ Fhimah จริง รวมถึงคำสั่งโจมตีนี้มาจากผู้นำหน่วยข่าวกรองลิเบีย
นาย Mas'ud ยังเสริมว่า อดีตผู้นำลิเบียอย่างมูอัมมาร์ กัดดาฟี (Muammar Qadaffi) เคยขอบคุณเขาและสมาชิกคนอื่นๆที่สามารถโจมตีสหรัฐฯได้สำเร็จ
ทั้งนี้สำหรับการพิจารณาคดีที่จะเกิดขึ้นยังศาลในกรุงวอชิงตัน ยังติดเรื่องสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนและสถานะทางกฎหมายของนาย Mas'ud อยู่


