posttoday

ผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน

12 มีนาคม 2565

คอลัมน์ เปิดประตูค้าชายแดน

สงครามรัสเชีย-ยูเครน ที่ตอนแรกก็คิดว่ามีความเป็นไปได้ค่อนข้างจะยาก ผมมีเพื่อนที่เป็นนักการเงินมือฉมังระดับโลกคนหนึ่ง ที่เคยเรียนหนังสือสมัยอยู่มัธยมปลายด้วยกันที่ไต้หวัน ก่อนสงครามระเบิดขึ้น

เขายังโทรศัพพ์เข้ามาคุยกับผมว่า เขาเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดสงครามแน่นอน เพราะหากเกิดสงครามจริงๆขึ้นมา จะทำให้โลกทั้งโลกปั่นป่วนแน่ๆ

เพราะรัสเซียเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของโลก อีกทั้งสหรัฐอเมริกาเองก็ไม่ใช่ย่อย แต่กำลังประสบกับสภาวะของการแพร่ระบาดของโรคร้าย ทำให้สหรัฐกำลังบาดเจ็บจากพิษเศรษฐกิจอยู่

เขาจึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีใครกล้าเสี่ยงที่จะชักศึกเข้าบ้านได้ ตัวผมเองก็มีความคิดคล้ายๆกัน อีกทั้งผมยังเห็นว่า คนรัสเซียกับคนยูเครน ล้วนเป็นคนเชื้อสายเดียวกัน เพราะยูเครนก็แตกออกมาจากสหภาพโซเวียตรัสเซีย

ดังนั้นทั้งสองประเทศนี้ เป็นเสมือนหนึ่งบ้านพี่เมืองน้อง จึงไม่น่าจะต้องมารบราฆ่าฟันกันได้ แต่ที่ไหนได้ เขากลับเล่นของจริงเลย แสดงว่าเรารู้จักและประเมินท่านประธานาธิบดีปูตินต่ำไปเสียแล้ว พวกเราเลยหน้าแตกเย็บไม่ติดเลยครับ

ในประเทศเมียนมาเอง ก็มีความสัมพันธ์กับทั้งสองประเทศนี้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายของรัสเซีย ที่มีความสัมพันธ์กันมายาวนาน ตั้งแต่สมัยปี 1950 มาแล้ว และความสัมพันธ์นี้นอกจากมีมานานแล้ว ยังมีความใกล้ชิดกันระหว่างผู้นำเหล่าทัพมาช้านานด้วย

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ทั้งรัสเซียและยูเครนล้วนมีความร่วมมือกับประเทศเมียนมามายาวนาน ยูเครนเองในช่วงที่แยกออกมาสถาปณาเป็นรัฐเอกราชอธิปไตย ทางรัฐบาลเมียนมาในยุคนั้น ก็เริ่มต้นด้วยการแสดงความยินดีทั้งยอมรับสถานะประเทศด้วย

อีกทั้งประเทศรัสเซียและประเทศยูเครน ยังได้มีความร่วมมือทางการทหารกับประเทศเมียนมาอย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านการซื้อ-ขายยุทธปัจจัย ที่รัฐบาลเมียนมาทุกยุคก็ซื้อหาอาวุธจากทั้งสองประเทศอยู่ช้านาน เพราะเหตุที่ประเทศเมียนมาถูกชาติตะวันตกบอยคอตมานาน

ทั้งนี้ประเทศที่ค้าอาวุธใหญ่ๆในโลกใบนี้ มีเพียงไม่กี่ประเทศ อาทิเช่น สหรัฐอเมริกา รัสเซีย จีน ฯลฯ ซึ่งเมื่อถูกบอยคอต แน่นอนว่าผู้ถือธงนำหน้าในการบอยคอต หนีไม่พ้นก็สหรัฐอเมริกานั่นแหละ ดังนั้นตัวเลือกของเมียนมาจึงเหลือแต่ชาติอื่นๆคือจีน รัสเซีย ยูเครนนั่นเอง 

ในส่วนของความร่วมมือทางด้านการผลิตอาวุธ ทั้งสองประเทศคู่สงคราม ล้วนมีความร่วมมือกับประเทศเมียนมาทั้งหมด ดังนั้นเทคโนโลยี่ต่างๆในด้านนี้ จึงหลั่งไหลเข้ามาสู่ประเทศเมียนมา

นอกจากนี้เมียนมาเองยังได้รับการสนับสนุนเงินในงานวิจัยทางด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการแพทย์ การพลังงาน และการค้า-การลงทุน เงินค่าทำวิจัยแต่ละปี ล้วนมีจำนวนมหาศาล หลั่งไหลเข้ามาในประเทศเมียนมา อีกทั้งในช่วงที่เกิดโรคระบาดร้ายในครั้งนี้ เป็นช่วงจังหวะเดียวกับการที่รัฐบาลทหารเมียนมา ออกมาทำการรัฐประหารเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทำให้การหาซื้อวัคซีนจากประเทศโลกเสรี เป็นไปได้ยากมาก

ประเทศเมียนมาก็ได้รับการช่วยเหลือหลักๆก็มาจากประเทศจีนกับประเทศรัสเซียนี่แหละครับ ถ้าไม่มีสองประเทศที่กล่าวมานี้ เชื่อว่าประเทศไทยเราที่อยู่ติดกับประเทศเมียนมา ก็คงดูไม่จืดแน่นอนครับ

อยากจะพูดถึงด้านพลังงานอีกเรื่องหนึ่ง ประเทศรัสเซียมีการขุดเจาะสำรวจแหล่งน้ำมันในประเทศเมียนมามาช้านาน แต่พอเปิดประเทศทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ต่างชาติหลากหลายชาติ ต่างมะรุมมะตุ้มกันเข้าไปขุดเจาะน้ำมันและก๊าสธรรมชาติกันอย่างสนุกสนาน

ประเทศรัสเซียเองก็จึงหันไปมองด้านพลังงานนิวเคลียร์แทน ซึ่งก็ได้มีการส่งบริษัทรัฐวิสาหกิจ ชื่อบริษัท ROSATOM เข้าไปประมูลงานสร้างเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ในประเทศเมียนมา ซึ่งได้เข้าไปในช่วงรัฐบาลของท่านเต็งเส่งแล้วครับ 

อีกด้านหนึ่งคือด้านศาสนา รัฐบาลรัสเซียยังได้อนุญาตให้มีการสร้างวัดพุทธเมียนมา ในประเทศรัสเซีย อยู่ห่างจากกรุงมอสโกประมาณสิบกว่ากิโลเมตร ซึ่งผมได้เห็นรูปวัดแล้วก็รู้ได้ทันทีว่า วัดนี้เป็นวัดที่มีวัดไทยในต่างประเทศเป็นต้นแบบ อีกทั้งพระเถระผู้ใหญ่ในประเทศเมียนมา ก็ให้ความสำคัญในการสร้างวัดนี้ เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา

จึงเห็นว่าทั้งประเทศรัสเซียและประเทศยูเครน ล้วนมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับประเทศเมียนมายาวนานมาก

การสู้รบของทั้งสองประเทศ ในจังหวะที่ทุกประเทศในโลกนี้ กำลังตกอยู่ในสภาวะของโรคระบาดร้ายแรง ไม่เว้นแม้แต่เมียนมา จึงส่งผลกระทบโดยตรงมาที่ประเทศเมียนมาอย่างจังเลยครับ

ส่วนรัฐบาลเมียนมาเองจะเข้าข้างใคร เราก็คงเดาได้ไม่ยาก เพราะประเทศที่มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งและยาวนาน ต่อเนื่องมาหลายสิบปี ก็คือประเทศรัสเซีย ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าฝ่ายรัฐบาลเมียนมา จะสนับสนุนหรือถือหางรัสเซีย มากกว่าประเทศยูเครน

อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้ตัดสวาทกับทางประเทศยูเครนเสียเลยทีเดียว เพราะรักพี่เสียดายน้องครับ จึงเห็นการวางตัวอย่างชาญฉลาด ด้วยการเงียบๆไม่กระโตกกระตากมากจนออกนอกหน้า จะได้ไม่มีผลตามหลังในอนาคต 

ส่วนรัฐบาลเงาหรือ NUG ก็ไม่แปลกที่จะยกมือสนับสนุนการบอยคอตรัสเซียในการประชุมสหประชาชาติครั้งที่ผ่านมา ของท่านเอกอัครราชฑูต จ่อ โม ทุน คนที่เคยยกสามนิ้วในการประชุมสหประชาชาติเมื่อปีที่แล้ว และขัดขืนคำสั่งการเรียกตัวกลับประเทศครับ

คำตอบก็มีอยู่ให้เห็นชัดเจนนั่นแหละครับ

ข่าวล่าสุด

ไฟดับซานฟรานซิสโก ทำ Robotaxi ของ Waymo จอดแน่นิ่งทั้งเมือง