เกาะติดสงคราม ยูเครน-รัสเซีย วันที่ 9 ถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
อัปเดตทุกความเคลื่อนไหว สถานการณ์สงครามยูเครน (4 มี.ค.)
(02.00 น.) การเจรจาครั้งที่ 2 ระหว่างผู้แทนรัสเซียและยูเครน บรรลุข้อตกลงในการเปิดเส้นทางสำหรับอพยพพลเรือน และส่งมอบความช่วยเหลืออื่นๆ รวมถึงความช่วยเหลือด้านอาหารและยา สำหรับการเจรจาครั้งถัดไปอาจมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ขณะที่ยูเครนระบุว่าการเจรจาครั้งนี้ไม่บรรลุผลที่ต้องการ
(06.00 น.) ดมิโทร ออร์ลอฟ นายกเทศมนตรีเมืองอีเนอร์โกดาร์ของยูเครนเปิดเผยว่าเกิดเหตุไฟไหม้ที่ซาโปริชเชีย โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป จากการโจมตีของรัสเซีย ทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลเกี่ยวกับภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่อาจเกิดขึ้น หากโรงไฟฟ้าระเบิด
BREAKING: Russian troops are firing at Ukraine's largest nuclear power plant, officials say. "Russian army is firing from all sides upon Zaporizhzhia NPP, the largest nuclear power plant in Europe," Ukraine's Minister of Foreign Affairs tweeted. https://t.co/NbyzjmHjVb pic.twitter.com/IcXOt73PEu
— ABC News (@ABC) March 4, 2022
(09.45 น.) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ขอให้ยุโรปให้ความช่วยเหลือยูเครนหลังจากที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ถูกโจมตี "ชาวยุโรปได้โปรดลุกขึ้นมา บอกนักการเมืองของคุณว่า กองทหารรัสเซียกำลังถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของยูเครน นี่เป็นการก่อการร้ายนิวเคลียร์ เราต้องหยุดพวกเขา"
(10.10 น.) เซเลนสกีได้พูดคุยกับบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ หลังมีข่าวเกี่ยวกับเพลิงไหม้ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในซาโปริซเซีย โดยระบุว่า “การกระทำที่บุ่มบ่าม” ของปูตินเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของยุโรป
(10.40 น.) หน่วยฉุกเฉินของยูเครนกล่าวว่ากองทหารรัสเซียกำลังป้องกันไม่ให้พวกเขาดับไฟที่ยังคงเผาไหม้ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยขณะนี้โรงไฟฟ้ายังคงมีเพลิงไหม้บริเวณชั้น 3, 4 และ 5 จากอาคารทั้งหมด 5 ชั้น
(11.11 น.) ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ที่ทำหน้าที่ตรวจพิสูจน์นิวเคลียร์ของ UN ทวีตว่า ได้ยกระดับศูนย์อุบัติเหตุและเหตุฉุกเฉินให้อยู่ในโหมดตอบสนองเต็มรูปแบบ หลังจากเกิดเหตุไฟไหม้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาโปริชเชียที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ส่วนประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนเตือนว่า “ถ้ามีการระเบิดเกิดขึ้น มันคือจุดสิ้นสุดของยุโรป”
(11.30 น.) บริการฉุกเฉินของยูเครนยืนยันว่าสามารถควบคุมเพลิงไหม้ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริชเชียได้แล้ว หลังจากไฟลุกไหม้เป็นเวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
(13.31 น.) Reuters รายงานว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยูเครนเผยว่ากองทัพรัสเซียยึดโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาโปริชเชียแล้ว
(14.36 น.) หวังเหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนบรรยายสรุปประจำวันว่า จีนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายรับรองความปลอดภัยของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในยูเครน หลังเกิดไฟไหม้ตัวอาคารที่อยู่ติดกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ “เราจะจับตาดูสถานการณ์และขอให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น หลีกเลี่ยงการเพิ่มความตึงเครียด และรับรองความปลอดภัยของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่สำคัญ”
(15.46 น.) โอเล็กซี อาเรสโตวิช มราปรึกษาประธานาธิบดียูเครนเผยว่า ยูเครนจะไม่แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ของการเจรจากับรัสเซียล่วงหน้า ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้เจรจาต่อรองเผยว่าการเจรจาหยุดยิงรอบที่ 3 จะมีขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์หน้า
(15.50 น.) เจ้าหน้าที่ยูเครนเปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิต 47 รายจากการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย ในเมืองเชอร์นิกอฟ ประเทศยูเครน ขณะที่กู้ภัยไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากการระดมยิงอย่างหนัก
(16.50 น.) ดร.มาร์ค เวนแมน และศาสตราจารย์ทอม สกอตต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์มั่นใจว่าการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคีลยร์ซาโปริชเชีย ในยูเครน จะไม่ก่อให้เกิดหายนิวเคลียร์ครั้งใหญ่อย่างที่หลายคนกังวล
"โรงงานนี้มีการออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ที่ค่อนข้างทันสมัย และด้วยเหตุนี้ส่วนประกอบเครื่องปฏิกรณ์ที่จำเป็นจึงอยู่ภายในอาคารกักเก็บคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างหนา ซึ่งสามารถทนต่อเหตุการณ์ภายนอกที่รุนแรงได้ ทั้งจากภัยธรรมชาติและมนุษย์สร้างขึ้น" ดร.เวนแมนกล่าว
ศาสตราจารย์สกอตต์กล่าวว่า "รายงานระบุว่ารังสีรอบๆ โรงไฟฟ้ายังอยู่ในระดับปกติ เครื่องปฏิกรณ์ 5 ใน 6 เครื่องกำลังปิดอยู่ เครื่องปฏิกรณ์เป็นแรงดันน้ำทั้งหมด ไม่มีแกนกราไฟท์ที่สามารถจุดไฟได้เหมือนกับโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล จึงไม่น่าจะทำให้เกิดเหตุการณ์นิวเคลียร์ครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม มันจะน่าเป็นห่วงมากกว่าหากเครื่องปฏิกรณ์ถูกโจมตีโดยเจตนาเพื่อทำให้เกิดหายนะนิวเคลียร์"
(18.06 น.) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ปรับความสัมพันธ์กับรัสเซียให้เป็นปกติ ไม่เพิ่มความตึงเครียด และยืนยันว่ารัสเซียจะปฏิบัติตามภาระผูกพันกับประเทศอื่นๆ
"เราไม่มีเจตนาร้ายต่อเพื่อนบ้านของเรา และผมจะแนะนำพวกเขาด้วยว่าอย่าทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น ไม่ต้องแนะนำข้อจำกัดใดๆ เราปฏิบัติตามภาระผูกพันทั้งหมดของเราและจะปฏิบัติตามนั้นต่อไป" ปูตินกล่าว
"เราไม่เห็นความจำเป็นในการทำให้ความสัมพันธ์ของเราแย่ลง และการกระทำทั้งหมดของเรา หากเกิดขึ้น มักจะเกิดขึ้นเฉพาะเพื่อตอบสนองต่อการกระทำที่ไม่เป็นมิตร การกระทำต่อสหพันธรัฐรัสเซีย"
(18.10 น.) CNN รายงานว่าเซเลนสกีกล่าวว่าความพยายามของรัสเซียในการเข้ายึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่เป็น "ความน่าหวาดกลัวในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน"
ขณะที่กระทรวงต่างประเทศยูเครนเรียกร้องให้นานาชาติประณามการบุกยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ครั้งนี้ โดยอ้างว่ารัสเซียโจมตีโรงไฟฟ้าโดยเจตนา ซึ่งต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดต่อรัสเซีย
(18.46 น.) Bloomberg รายงานว่า ชาวสวีเดนและชาวฟินแลนด์ต้องการให้ประเทศเข้าร่วมกับนาโต (NATO) มากขึ้นหลังรัสเซียบุกยูเครน ทำให้เกิดแรงกดดันต่อผู้นำประเทศให้เปลี่ยนนโยบายไม่ฝักใฝ่ฝ่ายทหารที่มีมาช้านาน
ผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนในสองประเทศวันนี้พบว่า ชาวสวีเดน 51% และชาวฟินแลนด์ 48% สนับสนุนการเป็นสมาชิกนาโต นับเป็นครั้งแรกที่ชาวสวีเดนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการเข้านาโต เช่นเดียวกับผลการสำรวจความคิดเห็นในฟินแลนด์ก่อนหน้านี้ที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วย
(18.56 น.) Reuters รายงานว่า ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เครมลินบอกกับชาวรัสเซียว่าถึงเวลาที่ต้องสนับสนุนปูตินแล้ว และว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในการเจรจานั้นขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของเคียฟต่อการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายในสัปดาห์นี้ เปสคอฟเผยอีกว่า ยังไม่มีการตกลงใดๆ กับยูเครนในการเจรจา แต่รัสเซียแจ้งฝั่งยูเครนไปแล้วว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร
(19.11 น.) รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนอ้างว่าผู้หญิงชาวยูเครนในเมืองที่ถูกยึดครองโดยรัสเซียถูกทหารรัสเซียข่มขืน "มันยากนะที่จะพูดถึงประสิทธิภาพของกฎหมายระหว่างประเทศ แต่นี่เป็นเครื่องมือเดียวที่จะทำให้เราแน่ใจว่าในที่สุดบรรดาผู้ที่ทำสงครามครั้งนี้จะถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม" อย่างไรก็ตามยังไม่มีหลักฐานยืนยันคำพูดของเขา
Photo by Zaporizhzhya NPP via YouTube/via REUTERS


