วิจัยพบมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะ PM2.5 ทำอสุจิด้อยคุณภาพ
จากการวิเคราะห์สเปิร์มของผู้ชายมากกว่า 30,000 คนในจีน พบมลพิษทางอากาศมีผลต่อคุณภาพ
The Guardian รายงานงานวิจัยใหม่ซึ่งถูกตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ JAMA Networks เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา พบว่ามลพิษทางอากาศมีผลต่อคุณภาพของอสุจิ ยิ่งมลพิษทางอากาศมีอนุภาคเล็กยิ่งทำให้คุณภาพของอสุจิต่ำลง
"ผลการวิจัยของเราชี้ให้เห็นว่าอนุภาคมลพิษในอากาศที่เล็กกระตุ้นให้สเปิร์มเคลื่อนที่ได้ไม่ดี มากกว่าอนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่า" ทีมวิจัยระบุ โดยชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงการสัมผัสมลพิษทางอากาศในผู้ชายวัยเจริญพันธุ์
เป็นเวลานานหลายปีแล้วที่บรรดานักวิจัยพยายามหาคำตอบว่ามลพิษทางอากาศมีความเชื่อมโยงกับคุณภาพของอสุจิหรือไม่ ซึ่งมีงานวิจัยในลักษณะนี้ออกมาหลายฉบับ แต่ล่าสุดทีมวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยถงจี้ ในเซี่ยงไฮ้ ได้วิเคราะห์อสุจิของผู้ชาย 33,876 คนจาก 340 เมืองในจีน อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 34 ปี
โดยกลุ่มตัวอย่างเหล่านี้สัมผัสกับมลพิษทางอากาศในระดับที่แตกต่างกัน เพื่อวิเคราะห์ว่าคุณภาพของอสุจิมีความสัมพันธ์กับมลพิษทางอากาศหรือไม่ ซึ่งแบ่งออกเป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) , ระหว่าง 2.5 ไมครอนถึง 10 ไมครอน (PM10) และฝุ่นละอองขนาด 10 ไมครอน เป็นเวลา 90 วันก่อนเข้ารับการตรวจคุณภาพของอสุจิ ซึ่งทีมวิจัยได้แบ่งออกเป็นปัจจัยต่างๆ อาทิ จำนวนสเปิร์ม ความเข้มข้น และการเคลื่อนที่ของสเปิร์ม
ทั้งนี้ ทีมวิจัยไม่พบความเชื่อมโยงอย่างมีนัยสำคัญของมลพิษทางอากาศที่มีต่อจำนวนหรือความเข้มข้น แต่พบว่ามลพิษทางอากาศที่มีอนุภาคเล็กเท่าใดทำให้คุณภาพในการเคลื่อนที่ของสเปิร์มต่ำลงเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สัมผัสกับฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) ความสามารถในการเคลื่อนที่ของสเปิร์มลดลง 3.6% โดยประมาณ ขณะที่ผู้ที่สัมผัสกับฝุ่นละอองขนาด 10 ไมครอน (PM10) ลดลงประมาณ 2.44% อาจเป็นเพราะฝุ่นละอองอนุภาคขนาดเล็กมีโอกาสที่จะเข้าสู่ปอดได้มากกว่า ศาสตราจารย์ อัลลัน พาซีย์ จากมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ กล่าวว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีผลการศึกษาหลายฉบับที่ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของความเชื่อมโยงระหว่างมลพิษทางอากาศและคุณภาพของอสุจิ แม้ว่าจะมีข้อสรุปที่แตกต่างกันออกไป แต่งานวิจัยล่าสุดนี้เพิ่มหลักฐานว่ามลพิษทางอากาศและคุณภาพของอสุจิมีความเชื่อมโยงกัน และค่อนข้างน่าเชื่อถือเพราะมีกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 30,000 คน
แต่พาซีย์เสริมว่างานวิจัยไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับรูปร่าง และขนาดของสเปิร์ม ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่ามลพิษทางอากาศส่งผลต่อการเสียรูปของสเปิร์มด้วยหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณภาพในการการเคลื่อนที่ของสเปิร์มลดลง หรือมีเหตุผลอื่นๆ หรือไม่
พาซีย์ยังกล่าวว่าแม้ผลการวิจัยจะชี้ให้เห็นว่ามลพิษทางอากาศอาจส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของสเปิร์ม แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะอนุมานได้ว่ามีนัยสำคัญในวงกว้างหรือไม่ ผู้ชายในพื้นที่ที่มีมลพิษสูงจะมีบุตรยากหรือไม่ ซึ่งพาซีย์แนะนำว่าการลงพื้นที่เพื่อวิจัยอาจช่วยตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
Photo by Bangkok Post


