รัสเซียเรียกทูตกลับ-สหรัฐอพยพเกือบทั้งหมดออกจากยูเครน
รวมถึงสหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลียก็ทำแบบเดียวกัน ขณะที่สหภาพยุโรปยังไม่ยอมถอนออกไป
เค้าลางไม่สู้ดีเริ่มชัด เมื่อรัสเซียเรียกกเจ้าหน้าที่ทางการทูตบางส่วนออกจากยูเครนเมื่อวันเสาร์
กระทรวงการต่างประเทศในกรุงมอสโกกล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นจากความกลัวว่า "อาจมีการยั่วยุจากรัฐบาลยูเครน"
แต่รัฐบาลสหรัฐและประเทศต่างๆ ในยุโรปพร้อมกับอิสราเอลกล่าวถึงภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากการรุกรานของรัสเซีย โดยประเทศเหล่านี้เรียกร้องให้พลเมืองของตนออกจากยูเครนโดยเร็วที่สุด
อังกฤษและสหรัฐ ถอนที่ปรึกษาทางการทหารส่วนใหญ่ออกจากยูเครน ขณะที่สถานทูตสหรัฐฯ สั่งให้เจ้าหน้าที่ "เกือบทั้งหมด" ออกจากกรุงเคียฟ
ออสเตรเลีย ระบุว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สถานทูตที่เหลือทั้งหมดในเคียฟทำการอพยพ และแคนาดากล่าวว่ากำลังปิดสถานทูตชั่วคราว และย้ายการดำเนินงานไปยังเมืองลวีฟ ทางตะวันตกขอยูเครน
สายการบิน KLM ของเนเธอร์แลนด์ประกาศว่าได้ระงับเที่ยวบินพาณิชย์ไปยังยูเครนจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม
การแห่อพยพของบุคลากรของชาติตะวันตก ทำให้รัฐบาลยูเครนต้องร้องขอต่อพลเมืองของตนให้ "อยู่ในความสงบ"
“ขณะนี้ ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของประชาชนคือความตื่นตระหนก” ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวในการเยือนกองทหารที่ประจำการอยู่ใกล้คาบสมุทรไครเมียที่รัสเซียทำการผนวกไปเมื่อปี 2014
ชาวยูเครนหลายพันคนฝ่าความหนาวเหน็บเพื่อเดินขบวนแสดงพลังในกรุงเคียฟ เพื่อแสดงความสามัคคีท่ามกลางความกลัวสงครามที่เพิ่มขึ้น
“ความตื่นตระหนกไร้ประโยชน์” มาเรีย เชอร์เบนโก นักศึกษาสาวกล่าวขณะที่ฝูงชนโบกธงสีฟ้าเหลืองของยูเครนและร้องเพลงชาติ "เราต้องสามัคคีและต่อสู้เพื่อเอกราช"
ขณะที่ชาติตะวันตกอพยพผู้คนและเจ้าหน้าที่ แต่สหภาพยุโรปไม่ได้ถอนเจ้าหน้าที่การทูตจากยูเครน หลังจากที่สหรัฐฯ เตือนว่ากองกำลังรัสเซียอาจบุกรุกได้ทุกเมื่อ
“สหภาพยุโรปและประเทศสมาชิกกำลังประสานงานรับแนวโน้มของภัยคุกคามในปัจจุบันต่อยูเครน สำนักงานการทูตของเรายังไม่ปิด พวกเขายังคงอยู่ในเคียฟ และดำเนินการต่อไปเพื่อสนับสนุนพลเมืองของสหภาพยุโรปและร่วมมือกับทางการยูเครน” โจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปกล่าวในแถลงการณ์
“เราขอย้ำว่าการรุกรานทางทหารต่อยูเครนที่จะเกิดขึ้นจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงและจะมีการตอบโต้ที่มีความเสียหายสูง” บอร์เรลล์กล่าว
Photo by Sergei SUPINSKY / AFP